svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 'แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย' 34.79 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.79 บาท/ดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 34.81 บาท/ดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ 34.50-35.10 บาท/ดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 34.65-34.90 บาท/ดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 34.76-34.96 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์เริ่มชะลอการแข็งค่าขึ้น แม้ว่าเงินดอลลาร์อาจได้แรงหนุนจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ทั้ง ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และดัชนีภาคการผลิตอุตสาหกรรมโดย NY Fed (Empire Manufacturing Index) ที่ออกมาดีกว่าคาด ทว่า เงินดอลลาร์ก็ถูกกดดันโดยแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD ของผู้เล่นในตลาด นอกจากนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่สามารถกลับมาแกว่งตัวแถวโซน 2,570 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ 

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ \'แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย\' 34.79 บาท/ดอลลาร์

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทอ่อนค่าลงหนักกว่าที่ประเมินไว้ ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ การปรับตัวลงต่อเนื่องของราคาทองคำ รวมถึงแรงกดดันจากการอ่อนค่าลงของเงินหยวนจีน (CNY) และแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ

สำหรับสัปดาห์นี้ เราประเมินว่า ควรจับตาการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลัก ซึ่งต้องรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก รวมถึง ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก (เฟด, BOE และ ECB)
 

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก


▪    ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (S&P Manufacturing and Services PMIs) เดือนพฤศจิกายน รวมถึงรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของเฟด หลังล่าสุดเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนเริ่มส่งสัญญาณว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างก็ประเมินว่า เฟดเริ่มมีโอกาสมากขึ้นที่จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ส่วนในปีหน้าเฟดก็อาจลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าที่เฟดได้ระบุไว้ใน Dot Plot เดือนกันยายน

▪    ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของอังกฤษ ทั้ง อัตราเงินเฟ้อ CPI ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนตุลาคม รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ในเดือนพฤศจิกายน รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ BOE ซึ่งล่าสุด บรรดาผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า BOE จะยังไม่รีบเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ (โอกาสลดดอกเบี้ย 25bps น้อยกว่า 20%) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) จากทั้งดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB เช่นกัน ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่า ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า ECB จะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องได้ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ และมีโอกาสราว 23% ที่ ECB อาจเร่งลดดอกเบี้ยถึง 50bps ได้

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ \'แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย\' 34.79 บาท/ดอลลาร์

▪    ฝั่งเอเชีย – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะใช้ประกอบการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาทิ อัตราเงินเฟ้อ CPI ยอดการส่งออกและนำเข้า (Exports & Imports) ในเดือนตุลาคม รวมถึง รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการในเดือนพฤศจิกายน โดยล่าสุดผู้เล่นในตลาดเริ่มประเมินว่า มีโอกาสราว 54% ที่ BOJ อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย +25bps ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ในส่วนนโยบายการเงิน เราประเมินว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) อาจคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 6.00% เพื่อช่วยลดแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าและรักษาเสถียรภาพของค่าเงินรูเปียะห์ (IDR) ที่เผชิญการอ่อนค่าพอสมควรเช่นเดียวกับบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชีย ท่ามกลางความกังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจฝั่งเอเชียจากนโยบายรัฐบาล Trump 2.0

▪    ฝั่งไทย – ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวได้ราว +2.4%y/y หนุนโดยการขยายตัวในภาคการส่งออกและการลงทุน โดยเฉพาะในส่วนของการลงทุนภาครัฐ

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทอาจชะลอลงบ้าง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ที่อาจจำกัดลงบ้าง ทว่าต้องรอจับตาว่า ราคาทองคำจะสามารถรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องได้หรือไม่ รวมถึงรอติดตามทิศทางเงินหยวนจีน (CNY) และแรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์อาจชะลอลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังแนวโน้มเฟดอาจลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ไปพอสมควรแล้ว ทว่าทิศทางเงินดอลลาร์จะขึ้นกับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของบรรดาธนาคารกลางหลัก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบรรดาสกุลเงินหลักได้พอสมควร

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward 

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.50-35.10 บาท/ดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.65-34.90 บาท/ดอลลาร์