svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

หอการค้าฯ คาดเงินสะพัดลอยกระทงหมื่นล้าน สูงสุดรอบ 9 ปี

หอการค้าไทย คาดลอยกระทงเงินสะพัด 1.03 หมื่นล้านบาท สูงสุดรอบ 9 ปี ขณะที่แจกเงินหมื่นไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เหตุเจอน้ำท่วม คาดทั้งปีเศรษฐกิจยังโต 2.6-2.8% ส่วนปีหน้าคาดโต 3%

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบิดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายผู้บริโภคช่วงวันลอยกระทง 15 พ.ย.นี้ว่า บรรยากาศลอยกระทงปีนี้คึกคัก เพราะคาดมีมูลค่าการใช้จ่ายสูงถึง 10,355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จากปีก่อนที่มีมูลค่าใช้จ่าย 10,005 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าสูงสุดรอบ 9 ปีนับจากปี 59 ที่มีมูลค่า 9,639 ล้านบาท โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 2,449 บาท จากปี 66 ที่ 2,075 บาท ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สำหรับสาเหตุที่ทำให้การใช้จ่ายเพิ่มขึ้น มาจากราคาสินค้าแพง ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันไม่ดี รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รายได้เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายลดลง หนี้สินน้อยลง มั่นใจรายได้ในอนาคต

หอการค้าฯ คาดเงินสะพัดลอยกระทงหมื่นล้าน สูงสุดรอบ 9 ปี

“มูลค่าใช้จ่ายที่สูงถึงระดับ 10,000 ล้านบาทในปีนี้ เกือบใกล้เคียงกับปี 58 ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 11,413 ล้านบาท และปีนี้ยังมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงโควิดตั้งแต่ปี 62-64 ที่ใช้จ่ายกว่า 9,000 ล้านบาทนั้น ทำให้เห็นว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้น แต่ยังไม่โดดเด่น เพราะคนยังระมัดระวังใช้จ่าย โดยซื้อสินค้าน้อยชิ้นลง แต่ต้องใช้เงินมากขึ้นเพราะของแพง”นายธนวรรธน์ กล่าว

หอการค้าฯ คาดเงินสะพัดลอยกระทงหมื่นล้าน สูงสุดรอบ 9 ปี

นายธนวรรน์ กล่าว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน คิดเป็น 23% ของประชากรไทย วงเงินกว่า 145,000 ล้านบาทตั้งแต่เดือนก.ย.67 นั้น  พบว่า เกือบ 100% ของผู้ได้รับเงินใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ชี้ให้เห็นว่า เงินมากกว่าครึ่งหนึ่ง หรือราวๆ 100,000 ล้านบาทถูกใช้เข้าสู่ระบบแล้ว แต่ยังไม่เห็นภาพที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เพราะในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.เกิดน้ำท่วมใหญ่ในหลายพื้นที่ ซึ่งประชาชนได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมมาก จึงไม่เกิดความมั่นใจใช้จ่าย มาตรการนี้เหมือนยิงกระสุนแล้วได้นกครึ่งตัว ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้

ดังนั้น ในช่วงปลายปีนี้ รัฐบาลจำเป็นต้องใส่มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่ภาคเอกชนเสนอ โดยเฉพาะมาตรการ e-Receipt หากภาคการส่งออกที่จะดีขึ้นและโตได้ถึง 2.5-3% มากกว่าเป้าหมาย 1-2% ภาคท่องเที่ยวที่จะเด่นขึ้นช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. และเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากผลผลิตเกษตรเริ่มออกสู่ตลาด ก็น่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ 2.6-2.8% ตามที่คาดการณ์ไว้ และจะมีแรงส่งให้เศรษฐกิจไตรมาสแรกปี 68 ขยายตัวอย่างโดดเด่น
 

ขณะที่ปี 68 คาดการณ์ขยายตัวที่ 3% เพราะคาดว่า รัฐจะมีมาตรการเงินดิจิทัลเฟส 2  รัฐเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจ โดยปรับโครงสร้างหนี้ ลดภาระการจ่ายดอกเบี้ย ทำให้ประชาชน และธุรกิจมีสภาพคล่องมากขึ้น, อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลงตามดอกเบี้ยนโยบาย ฯลฯ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวโดดเด่นตั้งแต่ปลายไตรมาส 1 และหากตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดจน มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะโตได้ถึง 3.5%