14 พ.ย.66 นายสรพงษ์ ไพฑูรพงย์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม และการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) พร้อมด้วยบริษัทกลุ่มกิจการร่วมค้า CNNC และผู้ควบคุมงานก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ร่วมกันแถลงความคืบหน้าและรายงานแผนการดำเนินงานตามที่ได้รับอนุมัติจากกทท. ให้ปรับปรุงขึ้นใหม่ตามเงื่อนไขและข้อกำหนดในมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการโควิดระบาด
โดยมีรายละเอียดเงื่อนไขในการให้คิดค่าปรับในอัตราร้อยละ 0 กับสัญญาหรือข้อตกลงต่าง ๆ (ว693) และมีมาตรการเร่งรัดการปฏิบัติงานสำหรับสัญญาที่ได้รับการช่วยเหลืออัตราค่าปรับเป็นร้อยละ 0 (ว1459) ของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3
"กิจการร่วมค้าซีเอ็นเอ็นซี" เชื่อส่งงานท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ทันตามกำหนด
ซึ่งกิจการร่วมค้าฯ ยืนยันว่าสามารถที่จะดำเนินการโครงการฯนี้ ได้เสร็จตามแผนงานปรับปรุงใหม่ดังกล่าว กทท.ได้ลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 (ส่วนที่ 1) งานก่อสร้างงานทาง ทะเล ร่วมกับกิจการร่วมค้า ซีเอ็นเอ็นซี (ประกอบด้วย บริษัท เอ็น.ที.แอล.มารีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) บริษัท นทลิน จำกัด และบริษัท จงก่าง คอนสตรั๊คชั่น กรุ๊ป จำกัด (ประเทศจีน)) เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2563 มีระยะเวลาดำเนินการ 1,460 วัน นับจากวันเริ่มทำงานตามสัญญา และกทท. ได้แจ้งให้กิจการร่วมค้าฯเริ่มทำงานเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 จะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 3 พฤษภาคม 2568
โดยระยะเวลาในการเริ่มต้นดำเนินงานตามสัญญาฯ อยู่ในช่วงโควิดระบาด ส่งผลให้การก่อสร้างของโครงการฯ ประสบปัญหาการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ วิศวกร ผู้ชำนาญการ รวมถึงแรงงาน ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศเป็นผลให้การก่อสร้างไม่สามารถเป็นไปตาม แต่หลังโควิดคลี่คลายแล้ว กรมบัญชีกลางได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ซึ่งมีรายละเอียดเงื่อนไขในการให้คิดค่าปรับในอัตราร้อยละ 0 กับสัญญาหรือข้อตกลงต่างๆ (ว693) และมีมาตรการเร่งรัดการปฏิบัติงานสำหรับสัญญาที่ได้รับการช่วยเหลือ อัตราค่าปรับเป็นร้อยละ 0 (ว1459)
"กิจการร่วมค้าซีเอ็นเอ็นซี" เชื่อส่งงานท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ทันตามกำหนด
โดยกำหนดแนวทางในทางปฏิบัติต่าง ๆ อาทิเช่น การแก้ไขสัญญาและแนว ทางการปรับแผนการทำงานใหม่ ฯลฯ ซึ่ง กทท. ได้อนุมัติให้กิจการร่วมค้าฯ ทำการปรับแก้ไขสัญญาฯ ตาม มาตรการภาครัฐข้างต้น เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2566 โดยคิดค่าปรับที่เกิดขึ้นจากความล่าช้าของโครงการฯ ใน อัตราร้อยละ 0 จำนวน 422 วัน และได้มีการปรับแก้แผนการทำงานใหม่ เริ่มใช้แผนการทำงานใหม่มีผลเริ่มใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ซึ่งกิจการร่วมค้าฯ ได้ดำเนินงานก่อสร้างและส่งมอบพื้นที่ถมทะเลส่วนที่ 1 และพื้นที่ถมทะเลส่วนที่ 2 เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2565 และวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ตามลำดับ
"กิจการร่วมค้าซีเอ็นเอ็นซี" เชื่อส่งงานท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ทันตามกำหนด
ส่วนพื้นที่ถมทะเลพื้นที่ 3 (ท่าเทียบเรือ F) มีกำหนดส่งมอบภายในวันที่ 7 มิถุนายน 2567 และกำหนดแล้วเสร็จของงานใน ส่วนที่ 1 ทั้งหมด (ส่วนงานก่อสร้างงานทางทะเล) ในวันที่ 29 มิถุนายน 2569 โดยปัจจุบัน ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2566 ตามแผนการทำงานในสัญญาที่ปรับใหม่กิจการร่วมค้าฯ จะต้องทำงานให้ได้ 15.13% แต่กิจการร่วมค้าฯสามารถทำงานส่งมอบให้โครงการฯได้แล้วที่ 13.26% มีความล่าช้าจาก แผนการทำงานเล็กน้อยเพียง 1.87% เท่านั้น
อย่างไรก็ตามกิจการร่วมค้าฯ มีแนวทางในการบริหารจัดการในส่วนของสัญญาที่ 1 งานก่อสร้างงานทาง ทะเล เพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จตรงตามเวลา ดังนี้
"กิจการร่วมค้าซีเอ็นเอ็นซี" เชื่อส่งงานท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ทันตามกำหนด