'ภูมิธรรม' ปัดโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเอื้อทุนใหญ่

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภูมิธรรม เวชยชัย ระบุ การใช้เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.ตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินคลัง พ.ศ. 2561 วงเงิน 172,300 ล้านบาท ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet (ดิจิทัลวอลเล็ต) ได้คิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ตามที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เศรษฐา ทวีสิน ได้ชี้แจง ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกปกติไม่มีปัญหา

ส่วนการบริหารจัดการเงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของรัฐบาล จำนวน 175,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่งเริ่มใช้จึงมีเวลาที่รัฐบาลจะพิจารณาว่ารายการใดที่จะสามารถปรับเปลี่ยนได้ รวมถึงงบกลาง อาจนำมาใช้เพิ่มเติมในส่วนนี้ถ้าวงเงินไม่เพียงพอ ส่วนงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท ได้ขยายกรอบวงเงินงบประมาณในปี 2568 เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่าเงิน 10,000 บาทจะถึงมือประชาชน 50 ล้านคน ทันในไตรมาสที่ 4 แน่นอน

สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ขยายจากเดิมสามารถใช้จ่ายได้ในระยะ 4 กิโลเมตร ให้สามารถใช้จ่ายในเขตอำเภอได้ โดยเฟสแรกกำหนดการใช้จ่ายให้อยู่ในบริเวณรายเล็ก เช่น 7-11 ในปั๊มน้ำมัน โดยกระทรวงพาณิชย์ได้รับผิดชอบในการดูร้านค้าเข้าร่วมโครงการ ก็ต้องเตรียมร้านค้าที่อยู่ในชุมชนให้พร้อม ซึ่งหัวใจสำคัญของโครงการฯ คือเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ อยากให้ประชาชนได้สามารถจับจ่ายใช้สอยได้ ซึ่งจะนำไปสู่การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเอื้อกลุ่มทุนนั้นมองว่าควรดูที่วัตถุประสงค์ เพราะการที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ ตรงไหนที่จะทำให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ได้ก็คือประโยชน์ อะไรที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นแหล่งกระจายสินค้าได้ ทำให้เกิดการจ้างงาน ทำอย่างไรให้ประชาชนมีใช้มีที่ซื้อได้สะดวกสำคัญที่สุด รัฐบาลทำโครงการเพื่อที่จะช่วยเหลือคนตัวเล็ก แต่ต้องคิดเรื่องของการเดินทางสะดวก เพื่อที่จะกระตุ้นใช้เงินให้เศรษฐกิจกระเตื้อง เกิดการจ้างงาน