บมจ.การบินไทยมั่นใจพ้นแผนฟื้นฟูภายในปี 67
ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 บมจ.การบินไทย สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีกำไร 4 ไตรมาสติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันและการปรับตัว ทั้งด้านต้นทุน กระบวนการทำงาน การปรับโครงสร้างหนี้ต่างๆ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.การบินไทย ชาย เอี่ยมศิริ ระบุ จากแนวโน้มการดำเนินธุรกิจที่มีทิศทางที่ดี ทำให้คาดการณ์ว่าการบินไทย จะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ก่อนแผนเดิมในไตรมาส 3 ของปี 2567 และจะสามารถนำบริษัทกลับเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2568
โดยจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการออกจากแผน คือ การบินต้องมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากการดำเนินงานหลังหักเงินสดจ่ายหนี้ตามสัญญาเช่าเครื่องบินไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาท ในรอบ 12 เดือนก่อนหน้าที่จะรายงานศาล และส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินเป็นบวก
โดยจะต้องแปลงหนี้เป็นทุนและการเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิมหรือการหาผู้ร่วมทุนใหม่ ต้องเป็นช่วงเวลาที่สัมพันธ์กันเพื่อให้ทุกฝ่ายรวมถึงเจ้าหนี้ไม่เสียประโยชน์ โดยการบินไทยจะไม่กลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่ยังคงสถานะเป็นสายการบินแห่งชาติไว้เหมือนเดิม
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 บมจ.การบินไทย และบริษัทย่อย สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีกำไร 4 ไตรมาสติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันและการปรับตัวของการบินไทยทั้งด้านต้นทุน กระบวนการทำงาน การปรับโครงสร้างหนี้ต่างๆ
โดยมีรายได้รวม 37,381 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 21,526 ล้านบาท หรือ 73.7% แต่ลดลง 9.9% จากไตรมาสแรกของปี 2566 ซึ่งเป็นไปตามปกติของธุรกิจที่ไตรมาส 2 จะเป็นช่วงที่มีผู้โดยสารเดินทางต่ำที่สุดในช่วงปี โดยบริษัทฯ ได้เพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางที่เป็นที่นิยม อาทิ ประเทศญี่ปุ่นและจีน มีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 3.35 ล้านคน และมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 79.2% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเฉลี่ย 60.3%
กำไรสุทธิ 2,273 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อน ขาดทุน 3,213 ล้านบาท เป็นกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 2,262 ล้านบาท โดยมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบินรวมค่าเช่าเครื่องบินจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง (Power by the Hours) 9,307 ล้านบาท
สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 78,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 32,706 ล้านบาท กำไรสุทธิ 14,795 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อน ขาดทุน 6,457 ล้านบาท เป็นกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 14,776 ล้านบาท มี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบินรวมค่าเช่าเครื่องบินจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง 23,361 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บริษัทฯ มีเงินสดคงเหลือจำนวน 51,153 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 16,613 ล้านบาท จาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565
ปัจจุบันมีเครื่องบินที่ใช้ทำการบินทั้งสิ้น 67 ลำ ประกอบด้วยเครื่องบินลำตัวแคบ 20 ลำ และเครื่องบินลำตัวกว้าง 47 ลำ โดยเพิ่งรับเครื่องบินลำตัวกว้างจากการเช่าดำเนินการเข้ามาในฝูงบินในไตรมาส 2 จำนวน 2 ลำ
