svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

26 มิ.ย. ดีเดย์ "บิ๊กโจ๊ก" จะได้ไปต่อ หรือจอดป้ายนี้ บนเส้นทางสีกากี เเละเก้าอี้พิทักษ์1

วันพุธนี้คือวันดีเดย์ของย่านปทุมวัน ที่ต้องลุ้นว่า "บิ๊กโจ๊ก" จะได้ไปต่อ หรือจอดป้ายนี้บนเส้นทางสีกากีเเละเก้าอี้พิทักษ์1 กับผลคดีมากมายที่อาจทำให้เส้นทางสู่ฝันของ "บิ๊กโจ๊ก" ยุติในไม่กี่นาทีข้างหน้าเเละมันมาจากเหตุใด...

การประชุม ก.ตร.ประจำเดือนมิถุนายนปีนี้ (การประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 5/2567 วันพุธที่ 26 มิถุนายน 2567 เวลา 15.00 น.ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.) น่าจะร้อนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในย่านปทุมวัน (วาระที่น่าสนใจคือ กรณี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งที่ 177/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.2567 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการตำรวจ กรณี ตร. มีคำสั่งที่ 178 /2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.2567  “ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน”

โดยที่ประชุมจะพิจารณาผลสรุปการสอบสวนของอนุฯ ก.ตร.วินัย ที่มีผลสรุปคำสั่ง ตร.ที่ 177,178/2567 เรื่องให้ “พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล” รอง ผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อนว่า "ชอบด้วยกฏหมาย" หรือไม่)
“พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล” รอง ผบ.ตร.

เซียนการเมืองและกูรูแวดวงสีกากีหลายคน อ่านเกมล่าสุดของบิ๊กโจ๊กได้ง่าย ๆ แล้วว่า การเดินสายครั้งล่าสุดในการร้องเรียน ป.ป.ช.ให้ดำเนินการกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. (ในฐานะ รรท.ผบ.ตร.) ผู้บัญชาการกองกฎหมาย และผู้การกองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการไม่ยกเลิกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และยังขู่ลั่นทุ่งว่า หาก "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรีและประธาน ก.ตร.ไม่สั่งการให้เบอร์หนึ่งแห่งย่านปทุมวัน ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว “สร.1” อาจโดนมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญาไปด้วย 

จนล่าสุดเนติบริกร "วิษณุ เครืองาม" ต้องออกโรงมาเบรคทีท่าของบิ๊กโจ๊กที่ขู่จะฟ้อง สร.1 ว่า ไม่สมควร และขอให้บิ๊กโจ๊ก รอมติ ”ก.พ.ค.ตร.” อีกชั้นหนึ่ง ที่น่าจะคลอดในหนึ่งเดือนข้างหน้านี้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. (ในฐานะ รรท.ผบ.ตร.)
 

สังคมส่วนใหญ่แทงหวยล่วงหน้าแล้วว่า ท่าทีของ สร.1 ครั้งล่าสุด ที่ยิ้มรับคำขู่ของ "บิ๊กโจ๊ก" คราวนี้นั้น น่าจะตีความกันได้แล้วว่า ไม่กี่นาทีข้างหน้า ”ใครจะสมหวัง ใครจะผิดหวัง” เพราะหลายคนรับรู้กันทั่วแล้วว่า คณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจเกี่ยวกับดำเนินการทางวินัย (อนุฯ ก.ตร.วินัย) ที่มี ”พล.ต.อ.วินัย ทองสอง” ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน ได้สรุปผลการพิจารณา โดยมีมติว่า คำสั่งให้ ”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน (อาศัยอำนาจตามมาตรา 131 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับปัจจุบัน)” ซึ่งลงนามโดย รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ “ชอบด้วยกฎหมาย” 

หาก ก.ตร.เห็นชอบเท่ากับว่า คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการ "มีผลบังคับใช้" หรือหาก ก.ตร.มีเห็นแย้งและมติว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็อาจจะมีมติให้ ผบ.ตร. แก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งต่อไป แต่แนวโน้มในตอนนี้ ความเห็นแย้งกับความเห็นของอนุก.ตร.ด้านวินัยนั้น ”น่าจะแผ่วปลาย” เพราะหลากวงการฟันธงแล้วว่า ”วันพุธนี้บิ๊กโจ๊กรอดยาก”
นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี

และเชื่อว่า ก.ตร.เสียงข้างมากน่าจะ "ยืน" ตามข้อเสนอของอนุฯ ก.ตร.ด้านวินัย เพราะข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับบิ๊กโจ๊กที่ปรากฏ รวมทั้งข้อมูลของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ที่ปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้ง ในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี ”ฉัตรชัย พรหมเลิศ” เป็นประธานนั้น น่าจะอนุมานชั้นต้นได้แล้วว่า

“บิ๊กโจ๊กพัวพันการฟอกเงินจากเว็บพนันออนไลน์ (บีเอ็นเค มาสเตอร์) และมีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับการรับเงินเว็บพนันออนไลน์ (เว็บพนันมินนี่) ซึ่งลูกน้องตัวเองไปพัวพัน และตัวเองมีส่วนร่วม (การสืบสวนของพนักงานสอบสวนของ บช.น. และ บก.ปปป.) แถมยังมีกระแสข่าวและหลักฐานปรากฏแล้วว่า บิ๊กโจ๊กมีดีลลับกับเจ้าหน้าที่ ผู้ใหญ่บางรายในสำนักงาน ป.ป.ช.เพื่อช่วยตกแต่งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน รวมทั้งคดีความที่อยู่ในการดำเนินการของ ป.ป.ช.หลายวาระ”

อย่าลืมว่า หนึ่งในคณะกรรมการฯ ชุดปลัดฉิ่งนั้นคือ พล.ต.อ.วินัย และวันนี้ พล.ต.อ.วินัย ก็เป็นอนุฯ ก.ตร.ด้านวินัยรวมทั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ  แถม พล.ต.อ.วินัย ยังมีความใกล้ชิดระดับสายตรงกับบ้านจันทร์ส่องหล้า ที่น่าจะแจ้งข้อมูลตื้นลึกหนาบางของ "บิ๊กโจ๊ก" ให้กับเจ้าของบ้านหลังนั้นทราบแบบละเอียดถี่ถ้วน และข้อมูลนี้ถูกถ่ายทอดตรงกับหัวหน้ารัฐบาลอย่างไม่ผิดเพี้ยน เพราะไม่อย่างนั้นต้องมีการปฏิเสธข่าวนี้จาก พล.ต.อ.วินัย แน่นอนว่า ไม่เคยยืนยันว่า มาตรา 131 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ซึ่งลงนามโดย รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ “ ชอบด้วยกฎหมาย”
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

รวมทั้งยังดับกระแสข่าว ”ดีลลับ” ที่ลือกันหนาหูในหลายวันมานี้ว่า หากบิ๊กต่อกลับย่านปทุมวันได้ บิ๊กโจ๊กก็จะได้กลับไปเป็นรอง ผบ.ตร. อันดับหนึ่ง และมีลุ้นกับเก้าอี้พิทักษ์1 คือ ”ข่าวลือ” บวกกับกระแสข่าวว่า สส.หลายคนในพรรคเพื่อไทย ที่สะท้อนไปยังแกนนำพรรคและบ้านจันทร์ส่องหล้าว่า ความวุ่นวายในย่านปทุมวัน ทำให้กระแสพรรคขยับขึ้นลำบาก และผู้ใหญ่ของพรรคจะให้โอกาสบิ๊กโจ๊ก บนเส้นทางราชการทั้ง ๆ ที่มีคดีพันตัวมากมายอีกหรือ...

จนมีการยืนยันจากอาคารโอเอไอทาวเวอร์แล้วว่า “ประมุขบ้านจันทร์ส่องหล้า ไม่มีส่วนข้องเกี่ยวกับดีลลับ "บิ๊กโจ๊ก" แน่นอน”

แต่..ทั้งนี้และทั้งนั้น อย่าเพิ่งปิดโอกาสของ บิ๊กโจ๊ก แม้วันนี้โอกาสนั้นเหลือไม่ถึงร้อยละ 1 (การรอลุ้นมติ ก.พ.ค.ตร.) ที่อาจเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่จะต่อลมหายใจบนเส้นทางราชการของบิ๊กโจ๊กนั้น  หาก ”ก.พ.ค.ตร.” ยืนตรงข้าม ”มติ ก.ตร.”  เชื่อว่าย่านปทุมวันน่าจะวุ่นอีกหลายยกเป็นแน่แท้  หรือแม้ว่า ”ก.พ.ค.ตร.” ยืนตามมติ ก.ตร. 

"บิ๊กโจ๊ก" จะใช้สิทธินี้ต่อศาลปกครองสูงสุดเป็นทางออกสุดท้าย แต่หากถึงยามนั้น อย่าลืมว่า สร.1 ต้องการให้เรื่องวุ่นวายในย่านปทุมวันจบในสองเดือนนี้ หากในไม่กี่นาทีข้างหน้า สร.1 ปิดเกมนี้ได้ คะแนนนิยมก็จะกระเตื้องขึ้นมาชั้นหนึ่ง และปิดเส้นทางของบิ๊กโจ๊กบนแวดวงสีกากีไปเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ และเป็นไปได้สูงว่า ถึงเวลานั้นบิ๊กโจ๊กจะยื่นฟ้องทุกฝ่ายที่ทำให้เส้นทางราชการต้องจบลง
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.

หันไปจับจังหวะย่านสนามบินน้ำกันบ้าง เพราะพื้นที่นี้ บิ๊กโจ๊ก ต้องการให้สำนวนคดีของตนและลูกน้อง มาอยู่ในการไต่สวนของสำนักงาน ป.ป.ช. (การขยับของบิ๊กโจ๊กที่ต้องการจะให้คดีความของตัวเองและลูกน้อง ไปอยู่ในการไต่สวนของ ป.ป.ช.นั้น บิ๊กโจ๊กมีเจตนาพิเศษแฝงอยู่หลายชั้น)

แต่ตอนนี้มีกระแสข่าวว่า "บิ๊ก ป.ป.ช." บางคนที่ เคยช่วยเหลือบิ๊กโจ๊กในทางลับ รวมทั้งกรรมการ ป.ป.ช.บางคนที่เคยลงมติ 4:1 ให้คดีพัวพันเว็บพนันออนไลน์ของบิ๊กโจ๊ก อยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ช.นั้น เเว่วว่า ใครบางคนย่านสนามบินน้ำ อาจจะกลับลำในช่วงเวลาข้างหน้า เพราะหลายคนรู้ตัวแล้วว่า การเสนอสำนวนของบิ๊กโจ๊กจากบุคลากรของ ป.ป.ช. นั้น 

ตอนนี้รู้กันทั้งบางแล้วว่า ตอนนั้นมีคำสั่งลับของผู้ใหญ่บางคนใน ป.ป.ช.ให้ช่วยเหลือ  "บิ๊กโจ๊ก" ในทุกวิถีทาง และคำสั่งลับนั้นตอนนี้เริ่มปูดแล้วว่า มิชอบด้วยกฎหมาย หากมีการสืบสวนขยายผลเบื้องหลัง เบื้องหน้า ให้ความปรากฏนั้น ใครหลายคนที่ร่วมขบวนการทั้งแบบรู้ตัว ไม่รู้ตัว อาจจะโดนข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไปฟรี ๆ

ล่าสุดการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการเลื่อนพิจารณาวาระที่ บก.ปปป. ส่งเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษให้สำนักงาน ป.ป.ช.ดำเนินคดี “ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดกับรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย” กับนางสาวสุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. , นายศรชัย  ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. , นายอภิชาติ ปุณยธัญพงศ์ ผอ.สำนักบริหารงานกลาง และนายมารุต ก้อนง่อน พนักงานไต่สวนระดับกลางว่า ปฏิบัติ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

กรณีร่วมกันสั่งการและพิจารณาให้ความเห็นชอบในการรับคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับพวก เชื่อมโยงเว็บพนันออนไลน์ไว้ไต่สวนเอง (สำนวนคดีเว็บพนันออนไลน์มินนี่ส่วนที่ 2) และขอรับคดี พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย กับพวก (สำนวนคดีเว็บพนันออนไลน์มินนี่ส่วนที่ 1) คืนจากพนักงานอัยการ โดยมีเจตนาช่วยเหลือผู้ต้องหาในคดีนี้ (ออกเลขรับสำนวนคดีโดยมิชอบ)

เเละมีกระแสลือมาอีกเรื่องหนึ่งว่า ใครบางคนพยายามให้วาระการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ครั้งล่าสุด ที่มีการร้องเรียนว่า นายกฯ และประธาน ก.ตร.เสนอชื่อบิ๊กต่อนั้น ”มิชอบด้วยกฎหมาย” และสำนวนนี้อยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ช.โดยหวังว่า ป.ป.ช.จะนำขึ้นมาพิจารณาโดยเร็ว นัยว่าเพื่อเป็นไพ่ต่อรองกับเศรษฐากับสงครามย่านปทุมวัน  “แต่คล้ายว่าไพ่ใบนี้จะไม่มีผลใดๆ”
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และประธาน ก.ตร.

หากทั้งหมดทั้งปวงในช่วงนี้เป็นแบบนี้ แปลว่าแต้มต่อในมือบิ๊กโจ๊กน่าจะหมดลงแล้ว และรอลุ้นใช้สิทธิในการร้องเรียนต่อศาลเป็นทางเลือกสุดท้าย ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นโอกาสที่จะขึ้นเป็นพิทักษ์1 น่าจะริบหรี่จนแทบจะปิดประตูลงกลอนเเละสั่งลาไปได้เลย....