ทั้งรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เร่งเดินสายหาเสียงในรัฐสวิงสเตทหรือรัฐสมรภูมิ เพื่อเรียกคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ตัดสินใจในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้งที่ 5 พฤศจิกายน โดยทั้งคู่ลงพื้นที่หาเสียงในรัฐเนวาดาในวันพฤหัสบดี หลังจากเพิ่งตั้งเวทีปราศรัยคนละเมืองในรัฐวิสคอนซินเมื่อวันพุธ
แฮร์ริสและทีมสนับสนุนในพรรคเดโมแครตจะมุ่งนำเสนอนโยบายสิทธิทำแท้ง ที่เชื่อว่าเรียกคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้หญิงในวงกว้างทั่วสหรัฐฯ ขณะที่ทรัมป์และทีมจะมุ่งเน้นเรื่องปัญหาผู้อพยพลักลอบข้ามพรมแดนที่บริเวณพรมแดนสหรัฐฯ และเม็กซิโก และคำอ้างเรื่องอาชญากรรมจากฝีมือผู้อพยพ
นอกจากนี้ทั้งคู่จะพยายามให้ความมั่นใจแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่า สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น หลังจากประเด็นเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกังวลมากที่สุด
ขณะที่รายงานล่าสุด ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นจาก 99.2% ในเดือนกันยาย เป็น 108.7% ในเดือนตุลาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปี นอกจากนี้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีในไตรมาส 3 ขยายตัว 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
เรื่องนี้อาจเป็นข่าวดีสำหรับแฮร์ริส หลังจากยังไม่สามารถทำให้ชาวอเมริกันเชื่อใจว่า เศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว และอาจกระทบต่อความพยายามของทัมป์ ที่พยายามย้ำเตือนให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงในช่วง 2 ปีแรกของรัฐบาลไบเดน และผลกระทบต่อรายได้ของครัวเรือน
แต่ก็มีเรื่องเซอร์ไพรส์ที่อาจกระทบต่อคะแนนนิยมของผู้สมัคร หลังจากนักแสดงตลกพูดในเวทีหาเสียงของทรัมป์ว่า เปอร์โตริโกเป็นเกาะขยะลอยน้ำ และไบเดน บอกว่า ขยะที่เห็นมีแต่ผู้สนับสนุนของทรัมป์ จนเกิดเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง จนเกิดเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง แล้วทรัมป์ยังขยี้ซ้ำโดยบอกว่า 250 ล้านคนไม่ใช่ขยะ จึงน่าจับตาว่า จะมีเรื่องเซอร์ไพรส์ในนาทีสุดท้ายอะไรอีกที่จะเปลี่ยนใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้
นอกจากนี้ปัญหาเผาหีบบัตรเลือกตั้งในรัฐวอชิงตันและรัฐโอเรกอนเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ทำให้บัตรเลือกตั้งเสียหายหลายร้อยใบ เป็นสิ่งที่แทบไม่ค่อยเกิดขึ้น จึงน่ากังวลว่าจะมีอะไรอีกที่อาจเปลี่ยนความคิดของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับความสุจริตยุติธรรมของการเลือกตั้งครั้งนี้ และเจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งทั่วปรเทศเตรียมพร้อมมาตรการคุ้มครองผู้ใช้สิทธิ บัตรเลือกตั้ง และเจ้าหน้าที่ในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพื่อเตรียมรับมือกับการประท้วงและความรุนแรง
ขณะที่การเลือกตั้งในปีนี้อาจนำไปสู่การสู้คดีทางกฎหมายที่มากที่สุดในประวัตศาสตร์ เพราะพรรครีพับลิกันยื่นฟ้องคดีต่าง ๆ ไว้ 130 คดีแล้ว ทั้งที่ยังไม่ถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งมีการร้องเรียนหลายเรื่องตั้งแต่ข้อบังคับเกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งจนถึงคุณสมบัติของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ขณะนี้ทั้งรีพับลิกันและเดโมแครตเตรียมรวบรวมทนายในรัฐสมรภูมิและรัฐอื่น ๆ เพื่อเตรียมพร้อมต่อสู้ในคดีที่เชื่อว่า จะทำให้ได้คะแนนเสียงที่ต้องการเพื่อชนะการเลือกตั้งที่สูสีอย่างมาก
นอกจากนี้จำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นอีกสิ่งที่น่าจับตา หลังจากทีมของแฮร์ริสและทรัมป์พยายามกระตุ้นให้ผู้สนับสนุนใช้สิทธิล่วงหน้า เพื่อหวังเรียกคะแนนเสียงให้มากที่สุด และมีผู้ใช้สิทธิแล้วมากถึง 61 ล้านคน
ผลสำรวจพบว่า แฮร์ริสมีคะแนนนำในกลุ่มผู้ใช้สิทธิล่วงหน้า แต่มีคะแนนสูสีในกลุ่มผู้ที่มีแนวโน้มจะใช้สิทธิเลือกตั้ง และทีมทรัมป์สามารถกระตุ้นให้ผู้สนับสนุนรีพับลิกันใช้สิทธิล่วงหน้าเพิ่มขึ้นในปีนี้ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจุดยืนจากเมื่อ 4 ปีก่อนที่ทรัมป์ตั้งข้อกล่าวหาว่าอาจมีการทุจริตในการลงคะแนนทางไปรษณีย์และการลงคะแนนล่วงหน้า
ขณะที่สหรัฐฯ มีประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่า 230 ล้านคน แต่มีเพียง 160 ล้านคน เป็นผู้ลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะไปใช้สิทธิ และในการเลือกตั้งปี 2563 มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งราว 66% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งมากที่สุดในรอบกว่า 100 ปี