นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าของการดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของกระทรวงการคลังที่ร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ผ่านมาตรการสินเชื่อต่าง ๆ ได้แก่ โครงการสินเชื่อธนาคารประชาชน สินเชื่อเพื่อชำระหนี้สินนอกระบบ สินเชื่อกองทุนหมุนเวียนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากจน รวมถึงมาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ
โดยผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 6 ธันวาคม 2567 มีประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบได้รับอนุมัติให้ความช่วยเหลือทางการเงินไปแล้วจำนวน 24,340 ราย ยอดอนุมัติรวมทั้งสิ้น 1,158.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากแถลงข่าวกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 จำนวน 980 ราย และมียอดอนุมัติเพิ่มขึ้น 37.20 ล้านบาท และล่าสุดธนาคารออมสินได้จัดให้มีโครงการสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ หรือนำไปชำระหนี้นอกระบบ โดยมีเงื่อนไขที่ผ่อนปรน ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังมีนโยบายส่งเสริมให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) เพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบห้แก่ประชาชนรายย่อยในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ไม่ถูกเอาเปรียบจากเจ้าหนี้นอกระบบที่เรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด รวมทั้งยังเป็นช่องทางให้เจ้าหนี้นอกระบบสามารถเข้ามาให้บริการสินเชื่อในระบบอย่างถูกกฎหมาย
โดยปัจจุบัน ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 มีนิติบุคคล (บริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด) ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และเปิดดำเนินการแล้ว 1,147 ราย ใน 75 จังหวัด และ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยสะสมทั้งสิ้น 4,698,884 บัญชี เป็นจำนวนเงินรวม 45,491.18 ล้านบาท โดยเป็นยอดสินเชื่อคงค้าง 371,845 บัญชี เป็นจำนวนเงินรวม 7,143 ล้านบาท โดยนิติบุคคลที่สนใจประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถดูข้อมูลการยื่นคำขออนุญาตได้ที่ www.1359.go.th หรือโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1359