การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เร่งผลักดัน“ซอฟต์พาวเวอร์มวยไทย” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ต่อยอดการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) หลังจากรัฐบาลออกวีซ่ารูปแบบพิเศษ “วีซ่ามวยไทย” อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเรียนมวยไทย นานถึง 90 วัน โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านมวยไทยต่อเนื่องทั้งปี ล่าสุดประสบความสำเร็จจากกิจกรรม AMAZING MUAYTHAI, ROAD TO RAJADAMNERN และรายการ RWS : RAJADAMNERN WORLD SERIES เจาะกลุ่มเป้าหมายพื้นที่ศักยภาพในต่างประเทศ ขยายกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ และตอกย้ำการส่งเสริมเสน่ห์ไทยในเวทีโลกอย่างเป็นรูปธรรม
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีเป้าหมายในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจผ่านกลยุทธ์การส่งออกทุนวัฒนธรรมหรือเสน่ห์ไทย (Soft Power) และส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะ “มวยไทย” มรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าที่รัฐบาลต้องการส่งเสริมอย่างต่อเนื่องให้เป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวในรูปแบบ Sports Tourism โดยได้ออกวีซ่ามวยไทยมาเพื่อส่งเสริมการเผยแพร่เสน่ห์ไทย พร้อมกับดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เพิ่มวันพักค้างและเพิ่มการใช้จ่ายทางการท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้น ในส่วนของททท. ได้เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านกลยุทธ์ “5 Must Do in Thailand” ในมิติของ MUST Try ด้วยศิลปะแม่ไม้มวยไทย เพื่อส่งมอบคุณค่า ความหมายของการท่องเที่ยวไทยเชิงประสบการณ์ และตอกย้ำการส่งเสริมเสน่ห์ไทยในเวทีโลกอย่างต่อเนื่อง ททท. เชื่อมั่นว่า “มวยไทย” จะเป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพสูง เสมือนทูตวัฒนธรรมที่ช่วยเผยแพร่ความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพอย่างกว้างขวาง และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการนำกีฬามาเป็นกลไกสำคัญในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ ล่าสุด ททท. ประสบความสำเร็จจากการจัดงานการแข่งขันมวยไทยนานาชาติ 2 งาน ได้แก่ “AMAZING MUAYTHAI, ROAD TO RAJADAMNERN” ณ กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งเป็นหนึ่งในซีรีส์การแข่งขันที่ ททท. ร่วมกับสนามมวยเวทีราชดำเนิน ซึ่งเป็นสนามมวยไทยที่มีความเก่าแก่มากที่สุดของโลก คัดเลือกนักมวยผู้ชนะจากการจัดแข่งขันใน 3 เวที 3 ประเทศ ได้แก่ ราชอาณาจักรสเปน เครือรัฐออสเตรเลีย และ สาธารณรัฐเช็ก เพื่อมาร่วมแข่งขันสังเวียนสุดท้าย ณ สนามมวยเวทีราชดำเนิน ในวันที่ 20 ธันวาคม 2567 โดยการแข่งขันครั้งล่าสุดที่สาธารณรัฐเช็กมีการเปิดจำหน่ายบัตรเข้ารับชมในฮอลล์ จำนวนกว่า 2,000 ที่นั่ง และมีการถ่ายทอดสดใน JOJ Play ระบบ streaming ท้องถิ่นซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 500,000 คน และอีกหนึ่งรายการแข่งขัน ได้แก่
RWS : RAJADAMNERN WORLD SERIES รายการแข่งขันมวยไทยรูปแบบ SPORTAINMENT ที่ยกระดับ PRODUCTION แสง เสียงมาตรฐานระดับโลก เพื่อเผยแพร่กีฬามวยไทยไปสู่กลุ่มเป้าหมายในประเทศญี่ปุ่นที่มีความชื่นชอบกีฬามวยไทยอย่างมาก โดยกำหนดจัด 3 ครั้ง ได้แก่ เมืองชิบะ จำนวน 2 ครั้ง ในเดือนเมษายน และกรกฎาคม 2567 และครั้งล่าสุดจัดขึ้นที่ Osanbashi Hall เมืองโยโกฮาม่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ซึ่งคาดว่าจะสร้างการรับรู้ได้มากกว่า 20,000,000 การรับรู้ ซึ่งจะช่วยจูงใจให้ชาวญี่ปุ่นเกิดความสนใจและเลือกเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยวเเละฝึกมวยไทยอย่างกว้างขวาง ซึ่งในรายการแข่งขันมวยไทยในพื้นที่ต่าง ๆ ททท. ยังได้สอดแทรกการนำเสนอเสน่ห์ไทยในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การจัดกิจกรรม Thailand Festival นำเสนออาหารไทย สินค้าไทย ประเพณีไทย ตลอดจนนำเสนอคอร์สเรียนมวยไทยเพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวที่สนใจเดินทางมาร่วมเรียนมวยไทยที่ประเทศไทยอีกด้วย
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ททท. ให้ความสำคัญกับกีฬามวยไทยมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมไหว้ครูมวยไทยที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 17 มีนาคม ของทุกปี ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา งานรวมตัวของนักมวยไทยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะเข้ามาร่วมพิธีสวมมงคลครั้งใหญ่ โดยปรมาจารย์ครูมวยไทย และรำไหว้ครูมวยไทย ซึ่งทุกปีมีผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก กิจกรรม “Amazing Muay Thai Experience” เพื่อนำเสนอประสบการณ์แห่งศิลปะแม่ไม้มวยไทยโบราณ 4 สาย ใน 4 จังหวัดพื้นที่ต้นกำเนิด ได้แก่ “มวยไชยา” “มวยท่าเสา” “มวยโคราช” และ “มวยลพบุรี” รวมทั้งจัดการแข่งขันชกมวยชิงรางวัล และกิจกรรม Amazing Thailand Muay Thai Summer Camp with WBC ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาซึ่งเปิดโอกาสให้กลุ่มเยาวชนจากสหรัฐอเมริกาเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อเรียนรู้ฝึกซ้อมมวยไทย โดยเชิญเด็กชายบริดเจอร์ วอล์คเกอร์ (Bridger Walker) Ambassador ของสภามวยโลก มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจ และวางแผนต่อยอดขยายการส่งเสริมตลาดกลุ่มเป้าหมายไปยังเยาวชนและผู้ปกครองในภูมิภาคลาตินอเมริกา ได้แก่ บราซิล อาร์เจนตินา และ เม็กซิโก ให้มวยไทยซัมเมอร์แคมป์ถูกบรรจุอยู่ในแพ็กเกจการขายประจำปีของบริษัทนำเที่ยว โดยจะเริ่มดำเนินกิจกรรมในเดือนมกราคม 2568 อีกด้วย
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีค่ายมวยและยิมมวยไทยกว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศและมีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ประกอบกับความแข็งแกร่งของอัตลักษณ์ความเป็นไทย และมาตรการสนับสนุนของรัฐบาลในการออกวีซ่ารูปแบบพิเศษ วีซ่ามวยไทย หรือ Non-Immigrant Visa รหัส ED ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการเดินทางมาเรียนมวยไทยในค่ายมวยที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย (สคม.) เพื่อมาสร้างประสบการณ์ฝึกฝนมวยไทยและท่องเที่ยวพักผ่อนในประเทศไทยได้นานถึง 90 วัน จากเดิม 60 วัน ทั้งยังสามารถต่ออายุได้อีก 3 ครั้ง เท่ากับสามารถเรียนมวยไทยต่อเนื่องถึง 1 ปี รวมถึงการให้ความสำคัญของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ การสร้างมาตรฐานครูมวยไทย ทั้งการจัดอบรม พร้อมกับมอบใบรับรองประกอบวิชาชีพเพื่อส่งออกครูสอนมวยในต่างประเทศ ซึ่งจะจัดการทดสอบและรับรองโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ถือเป็นการสร้างมูลค่าให้กับบุคลากรมวยไทยตามหลักสากล ตลอดจนการให้บริการเว็บไซต์ NOW Muay Thai (https://www.nowmuaythai.com/) เป็นช่องทางให้ชาวต่างชาติที่จะมาเรียนมวยไทย สามารถเข้ามาเลือกคอร์สเรียนและสถานที่เรียนได้ ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนส่งเสริม “มวยไทย” สู่เวทีโลก