นายแพทย์พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลเมดพาร์ค (MedPark) เผยในวาระ ก้าวสู่ปีที่ 5 นับตั้งแต่โรงพยาบาลเมดพาร์คเปิดให้บริการและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป จากการเปิดให้บริการฉีดวัคซีนกับประชาชนตอนเกิดโควิด-19 ระบาด ก่อนทยอยเปิดศูนย์รักษาผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ด้วยแนวทางการรักษาแบบลำดับความสำคัญ (Priority) เน้นการทำงานของบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ จนก้าวสู่ปีที่ 5 ด้วยเป้ารายได้ในสิ้นปี 2567 ไว้ประมาณ 4,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีรายได้มากกว่า 3,000 ล้านบาท
ปัจจุบัน ฐานลูกค้าคนไข้โรงพยาบาลเมดพาร์คในระบบมีอยู่มากกว่า 1 แสนราย ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ คิดเป็นสัดส่วนคนไทยราว 70% ส่วนต่างชาติประมาณ 30% จากกลุ่มที่ทำงานหรือพำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย (Expat) และกลุ่มที่เดินทางมาจากประเทศตะวันออกกลาง รวมทั้ง CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม)
“ในปีที่ผ่านมาเราเริ่มเปิดรับคนไข้อย่างเต็มตัว โดยมุ่งเน้นไปที่การรักษาโรคยากซับซ้อน จากกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง กลุ่มโรคที่รักษาไม่หายมาจากที่อื่น และกลุ่มฉุกเฉิน ซึ่งตอนนี้เรายังได้เริ่มการรักษาโรคยากด้วยการเปลี่ยนอวัยวะมากขึ้นด้วย โดยมีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ เช่น การเปลี่ยนไต เปลี่ยนถ่ายไขกระดูกรักษามะเร็ง รวมทั้งการ MOU ร่วมกับบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านจีโนมิกส์จากจีน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์ดูแลผู้ป่วยร่วมกัน”
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมลงทุนกับบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านจีโนมิกส์จากจีนและพาร์ทเนอร์คนไทย ลงทุนเพิ่มด้วยงบประมาณราว 40 ล้านบาท เปิดศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ที่ใช้วิเคราะห์ผลโรค วิเคราะห์ DNA และการแพ้ยาต่าง ๆ เพิ่มอีก เพราะหลายครั้งการวิเคราะห์เหล่านี้ต้องส่งไปตรวจในต่างประเทศจนเกิดความล่าช้านานถึง 6 สัปดาห์ ฉะนั้น การเปิดศูนย์จีโนมเองจะช่วยวินิจฉัยโรคได้เร็วขึ้นถึง 2 สัปดาห์ โดยในอนาคตสามารถลงนามความร่วมมือ (MOU) กับมหาวิทยาลัยในอเมริกาเข้ามาเสริมการทำงานด้วย คาดการณ์ไว้ว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงต้นปี 2568 นี้
สำหรับแผนงานของโรงพยาบาลเมดพาร์คในอนาคต เราจะมุ่งหน้าไปยังการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีความต้องการเฉพาะทาง สำหรับโรครักษายากและซับซ้อนมากขึ้น ตามเทรนด์การรักษาและความต้องการของผู้ป่วยในปัจจุบัน ด้วยบุคลากรทางการแพทย์ประจำ (Fulltime) ประมาณ 150 คน และแพทย์ไม่ประจำการ (Parttime) อีกประมาณ 1,000 คน รวมทั้งบุคลากรด้านอื่นกว่า 800 คน ตลอดจนเสริมเครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ตอบโจทย์การให้บริการมากขึ้น