2 เมษายน 2568 แหล่งข่าวระดับสูงจาก"กรมสอบสวนคดีพิเศษ" หรือ "ดีเอสไอ" เผยว่า ในวันนี้ ( 2 เมษายน 2568 )"ดีเอสไอ"จะส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำทีมโดย คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ที่ กกต.แต่งตั้งให้มีอำนาจตรวจสอบกระบวนการเลือก สว. เดินทางไปที่สำนักงาน กกต. เพื่อดึงข้อมูลภาพที่บันทึกจากกล้องวงจรปิดทั้งหมด ตลอดทั้งกระบวนการเลือก สว.ระดับประเทศ เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว มาเป็นพยานหลักฐานในการสอบสวนการกระทำความผิดฐาน "ฟอกเงิน" ซึ่งอาจโยงถึงขบวนการ "อั้งยี่" ที่วางแผนฮั้วการเลือก สว.ให้กลุ่มคนของพวกตนได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา
โดยภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้มานั้น ทาง "ดีเอสไอ" ได้ประสานทาง "กกต." เรียบร้อยแล้ว และจะนำมาเชื่อมกับข้อมูลเอกสารการลงคะแนนเลือก สว. 2 รอบในวันเลือกระดับประเทศ เพื่อยืนยันพฤติกรรมของบุคคลที่เกี่ยวข้องแต่ละคนว่าใครมีการกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมายบ้าง ถือเป็นการใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันการกระทำของ "ขบวนการฮั้ว สว."
แบ่ง 5 กลุ่ม จากฐานถึงยอด
ขณะนี้ "ดีเอสไอ"ได้จัดทำข้อมูล แบ่งกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือก สว.ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว มีทั้งที่เป็นพยาน และผู้ร่วมกระทำความผิด โดยแบ่งเป็น "สีต่างๆ" กระจายไปทุกจังหวัด เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกสอบปากคำ และนำภาพจากกล้องวงจรปิด รวมถึงเอกสารการเลือก และโพยที่ยึดได้ มา "match" หรือจับคู่กัน เพื่อยืนยันพฤติการณ์ของแต่ละคน โดยขบวนการนี้มีเครือข่ายทั้งหมด 20,103 คน
ได้รับเลือกเป็นตัวแทนระดับอำเภอ 6,402 คน
ขึ้นเป็นตัวแทนระดับจังหวัด 959 คน
ได้โหวตรอบสุดท้าย 433 คน
และได้เป็น สว.ตัวจริง กับ สว.สำรอง 140 คน
จากพีระมิด และข้อมูลของ "ดีเอสไอ" จะเห็นว่ามีการแบ่งสีเอาไว้ชัดเจน เมื่อนำไปเทียบกับรายชื่อที่เป็นเอกสารผู้สมัครรับเลือก สว.ทั้งหมด ทุกกลุ่มทั่วประเทศ ทาง "ดีเอสไอ"จะดึงรายชื่อผู้สมัคร และผู้เข้ารอบทุกรอบ ทุกกลุ่มอาชีพ จากทุกอำเภอ ทุกจังหวัด มาตรวจสอบเปรียบเทียบ และแต้มสีตามกลุ่มเอาไว้ ว่าใครอยู่กลุ่มไหน หลังจากนี้จะเรียกมาสอบสวนทีละกลุ่ม
จ่อกันบางส่วนเป็น "พยาน" มัดขบวนการฮั้ว
ขั้นตอนการทำงานของ "ดีเอสไอ"คือ
- ประสานให้ผู้การตำรวจภูธจังหวัด สั่งการให้ผู้กำกับ (หัวหน้าโรงพัก) ในแต่ละอำเภอที่รับผิดชอบ เรียกสอบบุคคลเป้าหมาย โดยเปิดโอกาสให้เป็นพยานเพื่อให้ข้อเท็จจริง พร้อมเรียกดูรายการรับจ่ายบัญชีธนาคารทุกบัญชีระหว่างวันที่ 15 พค. - 30 มิย. 2567
- ไล่สอบ เริ่มจากชั้นฐาน ต่อด้วย ชั้นล่าง ชั้นกลาง และระดับบนสุด ตามพีระมิด
- เงื่อนไขของการ "กันเป็นพยาน" คือ บุคคลที่ให้การเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนหาเส้นเงิน และให้หลักฐานมัดตัวผู้กระทำความผิดทั้งในระดับเดียวกันและสูงกว่า
ที่สำคัญต้องให้ข้อมูลขั้นตอน ขบวนการชักชวน ว่าจ้างให้กระทำผิด / การให้โพยฮั้ว / การนัดประชุม วางแผน การจ่ายเงิน / และชื่อผู้กระทำผิดในกลุ่ม
ชง กกต.ฟันล็อตแรก "30 สว." หยุดปฏิบัติหน้าที่
มีรายงานว่า หลังจากมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน โดยเป็นทีมทำงานร่วมกันระหว่าง"ดีเอสไอ"กับ "กกต." ปรากฏว่าทาง กกต.ได้เห็นพยานหลักฐานของดีเอสไอว่ามีความชัดเจนเกี่ยวกับ "ขบวนการฮั้ว สว."
ล่าสุดมีการส่งสัญญาณจาก "ดีเอสไอ" ไปยัง "กกต."ว่า น่าจะมีหลักฐานชัดเจนส่งให้ กกต.เพื่อนำไปวินิจฉัย และชี้มูลความผิดเบื้องต้น เพื่อส่งศาลฎีกาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.ล็อตแรก ประมาณ 30 คน ภายในเดือน เม.ย.หรือ พ.ค.ที่จะถึงนี้