นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวภายหลังผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือคัดค้าน เพื่อโต้แย้งการแก้ไขญัตติการขอเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ที่มีการระบุชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก โดยย้ำว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะยังคงเกิดขึ้นแน่นอน แต่หากไม่เกิดขึ้นประชาชนอาจตั้งคำถามถึงรัฐบาล ที่พยายามหลีกเลี่ยงการตรวจสอบหรือไม่
ส่วนโอกาสที่ฝ่ายค้านจะลบชื่อนายทักษิณออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังประธานสภาผู้แทนราษฎรขอความร่วมมือนั้น นานปกรณ์วุฒิ เห็นว่า คำโต้แย้งของผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรมีความชัดเจนแล้ว และหลักฐานที่ปรากฏตามประวัติศาสตร์ ก็มีความชัดเจนเช่นกัน ซึ่งตนได้คุยกับอดีต สส.อาวุโสไม่เกิน 30 ปีก่อน ซึ่งได้เล่าให้ฟังว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งหนึ่งเกี่ยวข้องกับวิกฤตเศรษฐกิจ และค่าเงินบาท มีการอภิปรายถึงนายราเกซ สักเสนา นักการเงินการธนาคาร เจ้าของฉายา "พ่อมดการเงิน" ตลอดเวลา ดังนั้น ประวัติศาสตร์แน่ชัดว่า ข้อบังคับไม่ได้ห้ามอย่างเด็ดขาดในการพูดถึงบุคคลภายนอก และการพูดถึงบุคคลภายนอกในสภาฯ เป็นเรื่องปกติมาก ดังนั้น จึงอย่าทำให้เรื่องปกติเป็นเรื่องผิดปกติ และการอ้างข้อบังคับการประชุมเพียงบางคำ และมาตีความตามใจตนเอง เป็นบรรทัดฐานที่ สส.ไม่ควรทำ
ส่วนการอภิปรายที่มีการอภิปรายถึงนายราเกซฯ ดังกล่าว มีการระบุชื่อไว้ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยหรือไม่นั้น นายปกรณ์วุฒิ ยอมรับว่า ไม่มั่นใจว่าอยู่ในญัตติหรือไม่ แต่ตนขอถามว่า มีข้อบังคับการประชุมฯ ข้อใดหรือไม่ ที่ห้ามไม่ให้มีการระบุชื่อบุคคลภายนอกลงในญัตติ ซึ่งจะต้องชัดเจน แต่หากจะอ้างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ข้อที่ 69 ตนเองเห็นว่า การพูดถึงบุคคลภายนอกสามารถทำได้ และญัตติของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขณะทำหน้าที่ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ในสภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้ว ที่เสนอญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการศึกษา ก็มีการระบุชื่อเอกชนภายนอก ดังนั้น ญัตติจึงสามารถบุคคลภายนอกได้ ไม่ผิดข้อบังคับ
ส่วนข้อโต้แย้งที่ญัตติทั่วไป และญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจต่างกันนั้น นายปกรณ์วุฒิ ได้ย้ำว่า ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ซึ่งมีศักดิ์เทียบเท่าพระราชบัญญัติ ข้อที่เนื้อหาในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ และญัตติทั่วไปมีความต่างกัน ซึ่งตนมั่นใจว่า ไม่มีแน่นอน ดังนั้น จึงขออย่าตีความข้อบังคับตามอำเภอใจตนเอง
ส่วนท้ายที่สุดฝ่ายค้านยืนยันจะไม่แก้ไขลบชื่อนายทักษิณ ออกจากญัตติใช่หรือไม่นั้น นายปกรณ์วุฒิ ย้ำว่า ฝ่ายค้านมีความมั่นใจว่า ญัตติของฝ่ายค้านถูกต้องตามข้อบังคับ แต่หากจะใช้อำนาจ หรือจะขอความร่วมมือใด ควรมาพูดคุยกัน ซึ่งหากสุดท้ายจะต้องดำเนินการให้ราบรื่นก็ควรลองมาพูดคุยกันก่อนว่า จะสามารถหาทางออกอย่างใด แต่ไม่ใช่การใช้อำนาจ หรืออ้างข้อบังคับแบบไม่ตรงไปตรงมา ตามอำเภอใจ พร้อมย้ำว่า ลองพูดคุยกันก่อนดีกว่า และหากผลการตีความฝ่ายกฎหมายออกมาแล้ว จะต้องรอดูท่าทีของประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง
ส่วนการทำหนังสือโต้กันไปมา การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะยังทันกรอบเวลา 24 มีนาคมนี้หรือไม่นั้น นายปกรณ์วุฒิ หวังว่า จะมีข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ หรือกลางสัปดาห์หน้า เพราะมีการกำหนดกรอบเวลาไว้เบื้องต้นแล้ว และหากได้ข้อสรุป แลประธานสภาผู้แทนราษฎรบรรจุญัตติเข้าสู่วาระการประชุม ก็ไม่ได้ใช้เวลานาน
นายปกรณ์วุฒิ ยังยืนยันด้วยว่า หากฝ่ายค้านจะต้องมีการแก้ไขญัตติ ฝ่ายค้านก็จะยังคงชื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และลงมติเพียงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพียงบุคคลเดียว เพราะได้ยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว
ส่วนที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การอภิปรายเพื่อลงมตินายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวไม่สามารถสร้างแรงสะเทือนรัฐบาลได้ เพราะไม่เกิดการเปรียบเทียบคะแนนกับหัวหน้าพรรค หรือรัฐมนตรีคนอื่น ๆ นั้น นายปกรณ์วุฒิ ย้ำว่า ฝ่ายค้านได้ข้อสรุปไปแล้วเรียบร้อย และหากฝ่ายค้านปรับแก้ เพื่อเพิ่มชื่อ ก็อาจจะผิดข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้