วันนี้เป็นเดทไลน์ของทาง "แพทยสภา" ที่ได้ขอข้อมูลการรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่พักรักษาตัว ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ตลอด 6 เดือน ในช่วงเป็นผู้ต้องขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งทั้งกลุ่ม คปท. ศปปส. และ กองทัพธรรม ได้เดินทางไปให้กำลังใจแพทยสภา พร้อมจับตาดูว่า จะมีการส่งเวชระเบียน จาก โรงพยาบาลตำรวจ มาให้แพทยสภา หรือไม่
15 มกราคม 2568 ที่บริเวณด้านหน้าอาคารมหิตลาธิเบศร ซอยสาธารณสุข 8 กระทรวงสาธารณสุข เต็มไปด้วย มวลชนจากกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกองทัพธรรม
ที่เดินทางไปยื่นหนังสือและให้กำลังใจ "แพทยสภา" ในการเฝ้ารอเวชระเบียนการรักษาตัวนายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ที่ทางคณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา
โดยมี นพ.อมร ลีลารัศมี อดีตกรรมการแพทยสภา เป็นประธาน ได้ส่งหนังสือถึงแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ให้ส่งเอกสารการรักษาพยาบาลนายทักษิณ มาให้คณะอนุกรรมการภายในวันที่ 15 ม.ค.นี้
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากที่ เมื่อวันจันทร์ที่ 13 ม.ค.68 ได้ยื่นหนังสือทวงถามผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ถึงการส่งเวชระเบียนของนายทักษิณ ซึ่งทางแพทยสภาได้กำหนดว่า ให้โรงพยาบาลตำรวจส่งข้อมูลการรักษาตัวภายในวันนี้
ซึ่งเราเดินทางมาวันนี้เพื่อให้กำลังใจแพทยสภาในการเดินหน้าพิสูจน์ข้อเท็จจริงกรณีที่นายทักษิณอ้างว่า มีการป่วยวิกฤติตลอด 180 วัน เพื่อพิสูจน์ว่า เป็นการป่วยทิพย์หรือไม่ ซึ่งวันนี้แพทยสภา คือ ทางออกของประเทศเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้สังคมได้อย่างชัดเจน และฉีดยาความจริงให้กับสังคม เป็นเวชระเบียนที่ต้องรักษากระบวนการยุติธรรม
อีกทั้งเรายังห่วงว่า จะมีกระบวนการทางการเมืองเข้ามาแทรกแซงแพทยสภา หวั่นว่าจะเป็นองค์กรที่ฟอกความผิดให้กับนายทักษิณ ซึ่งจะถือเป็นตราบาป แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ด้วยจรรยาบรรณและวิชาชีพของแพทย์ แพทย์จะรักษาจรรยาบรรณจนถึงที่สุด
คือ การพิสูจน์ความจริงให้สังคมได้รับทราบว่า มีคณะแพทย์ชุดหนึ่งได้ปกปิดอาการป่วยของนายทักษิณหรือไม่ โดยเฉพาะแพทย์ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่วินิจฉัยว่า นายทักษิณป่วยวิกฤติตั้งแต่วันแรก รวมทั้งแพทย์ที่โรงพยาบาลตำรวจที่รักษานายทักษิณ 180 วัน
หากทางโรงพยาบาลตำรวจยังไม่ส่งข้อมูลเวชระเบียนมาให้แพทยสภา ในวันที่ 21 ม.ค.68 เวลา 10.30 น. จะเดินทางไป ทำเนียบรัฐบาลเพื่อทวงถามนายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ โดยจะไม่ได้มีแค่ กลุ่ม คปท. ศปปส. และ กองทัพธรรม เท่านั้น
แต่จะรวมถึงอดีตแกนนำพันธมิตร อดีตแกนนำ กปปส. พร้อมย้ำว่า รัฐบาลต้องทำหน้าที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ได้ ต้องสั่งให้โรงพยาบาลตำรวจนำเวชระเบียนไปให้ ป.ป.ช. และแพทยสภา เมื่อความจริงกระจ่าง รัฐบาลต้องยึดมั่นในกฎหมาย นำนายทักษิณกลับเข้าเรือนจำทันที
ด้าน ตัวแทนของแพทยสภา กล่าวว่า ขอบคุณกำลังใจที่ได้นำมามอบให้ พร้อมตั้งข้อสังเกตให้กับแพทยสภาในครั้งนี้ ซึ่งแพทยสภาเป็นองค์กรวิชาชีพ ไม่ได้สังกัดกระทรวงสาธารณสุข และขอยืนยันว่า เราไม่มีการเมืองแทรกแซง ดำเนินการไปตามกฎหมาย
เบื้องต้นจะมี 2 ส่วน ส่วนแรกทางคณะอนุกรรมการหากพิจารณาเห็นข้อมูลครบถ้วน ก็ตัดสินได้เลย หรือ ส่วนที่ 2 อาจจะมีการเชิญบุคคลเข้ามาให้การก็เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการ