13 มกราคม 2568 เวลา 17.30 น. ที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพมหานคร "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมงานดินเนอร์ทอล์ค ภายใต้หัวข้อเสวนา "Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital Market" จัดโดยหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น
โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ อาทิ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) , นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
รวมถึงบรรดาเจ้าสัวและผู้บริหารภาคธุรกิจ ร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด, นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริษัทบีทีเอสกรุ๊ปโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน), นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
ในส่วนของครอบครัวชินวัตรมี นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีของนายกรัฐมนตรี, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาวของนายกรัฐมนตรี พร้อมนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี
สำหรับบรรยากาศภายในงานทางผู้จัดงานได้จัดโต๊ะดินเนอร์ เป็นโต๊ะกลมขนาดใหญ่ มีนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และนายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCBX นั่งขนาบข้างนายทักษิณ รวมถึงบรรเจ้าสัวร่วมโต๊ะดินเนอร์ และช่วงหนึ่งพบว่า นายสารัตถ์ ได้ยืนคุยกับ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานบอร์ด ปตท. ท่ามกลางการพูดถึงว่าทั้ง 3 คนนี้มีความสนิทสนมกันมาก
จากนั้นเวลา 19.30 น."นายทักษิณ" ขึ้นปาฐกถาในหัวข้อ Chat with Tony: Bull Rally of Thai Capital Market ตอนหนึ่งว่า การพูดวันนี้ตื่นเต้นมากที่สุดเพราะถูกคาดหวังว่าพรุ่งนี้หุ้นต้องขึ้น โดยมีผู้จัดการกองทุนมากมายอยู่ในงานนี้ หุ้นจะขึ้นไม่ขึ้นก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้จัดการกองทุน ไม่เช่นนั้นตนคงไม่สามารถ เพราะเงินเดือนก็แค่ 700 บาท ต้องไปหารำไพ่โดยไปปราศรัยวันละ 300 บาท บางวันโดนสามเวที เวทีละ 100 บาท แต่มั่นใจว่าประเทศไทยยังมีอนาคตอีกเยอะ เพียงแต่ขาดการบริหารที่ถูกต้อง และก่อนที่จะมาพูดวันนี้ได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ฉะนั้น คงไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์รัฐบาล ซึ่งนายกฯ ก็ติดตามปัญหาที่เกิดขึ้นมาตลอด ถามตนว่าเกิดอะไรขึ้น และตนก็คอยอธิบายในฐานะผู้เฒ่าผู้แก่ที่ผ่านประสบการณ์มา
ผลักดัน"เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ทำตลาดหุ้นกระเตื้อง
"ทักษิณ ชินวัตร" ยังกล่าวถึง กรณีที่ ครม.ผ่านร่างกม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ตรงนี้จะมีการลงทุนห้าแสนล้าน ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์กระเตื้องขึ้น ทั้งนี้ "นายทักษิณ" ยังได้กล่าวถึงการผ่านร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในอีกหลายช่วงตอน ทั้งการยืนยันว่า จะสำเร็จในช่วงสองปีรัฐบาลแพทองธารแน่นอน
เล็งออกกฎกระทรวงนำธุรกิจใต้ดินขึ้นบนดินอย่างถูกกฎหมาย
ที่น่าสนใจอีกเรื่อง เมื่อ" นายทักษิณ" เปิดเผยผ่านงานดินเนอร์ทอล์กว่า "ต่อไปนี้พนันออนไลน์ในอดีตเล่นกันครั้งนึง 2.5-4 แสนคน ประเทศไทยมีเงินฝากก่อนที่จะเล่น 3 ล้านล้านบาทต่อปี และเล่นกันได้เสียปีนึง 5 แสนล้านบาท สมมติถ้าเราเก็บภาษี 20% ก็ได้ประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่ถ้าเก็บ 1% ของเงินฝากก็จะได้ 3 หมื่นล้านบาท ภาษีได้เพิ่มมา 1 แสนกว่าล้านบาท แต่ที่สำคัญมากกว่านั้น เราสามารถควบคุมได้ว่า ไม่ให้เด็กต่ำกว่า 20 ปี เล่น ทุกวันทุกวันนี้เด็กอายุ 10 กว่าปีก็เล่นได้ โดยใช้ระบบดิจิทัลไอดี เราต้องยืนยันตัวตน นอกจากนั้นยังรู้อีกว่าใครติดเล่นพนันงอมแงม ก็สามารถส่งจิตแพทย์เอาไปบำบัดได้ เพราะฉะนั้นเราสามารถควบคุมพวกนี้ได้หมด ปล่อยไว้อย่างเดิมทำอะไรไม่ได้ นอกจากจ่ายเจ้าหน้าที่อย่างเดียว ภาษีก็ไม่มี
วันนี้ ครม. รับหลักการ ก็ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงดีอี ไปร่างกฎกระทรวงขึ้นมา คาดว่าอีกไม่กี่เดือนก็จะมีใต้ดินขึ้นมาบนดินบ้าง ซึ่งเราพยายามเอาใต้ดินขึ้นมาไว้บนดิน พอดี
นำร่องใช้บิทคอยน์ที่ภูเก็ต
"นายทักษิณ" กล่าวอีกว่า รัฐบาลเตรียมจะทำแซนบ็อกซ์อาจจะเริ่มต้นที่ภูเก็ต โดยการรับบิทคอยน์ เป็น form of payment อย่างหนึ่ง จัดการโดยรัฐบาล ซึ่งผู้รับบิทคอยน์ไม่มีความเสี่ยง เหมือนเรารับดอลล่าร์แล้วมีราคาให้แลก เราก็รู้ว่าราคาแลกเท่าไหร่ บิทคอยน์ก็เหมือนกัน ฉะนั้น ไม่มีใครเสี่ยง และเป็นอีกหนึ่ง currency ที่จะเกิดขึ้นในโลก นอกจากนี้อยากให้มีเรื่องการส่งเสริมนวัตกรรมด้านใหม่ เช่น เรื่องสเต็มเซลล์ ซึ่งสามารถแก้ปัญหาเรื่องกระดูกหัก รวมถึงการช่วยให้อ่อนกว่าวัยได้ ต้องขอบคุณรัฐบาลที่แล้วที่ออกกฎหมายแซนบ็อกซ์ ที่ทำให้เราสามารถทำต่อได้ และรัฐบาลส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่เข้ามาในประเทศให้มาก
ลดค่าไฟทำได้แน่นอน
ส่วนเรื่องค่าไฟ วันที่ตนปราศรัยเรื่อง ค่าไฟ 3.70 บาท ปรากฏว่าขานรับกันเต็ม เพราะแอบไปเห็นตัวเลขแล้วว่าทำได้ ลดตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย แต่คนยังไม่เข้าใจ ทำให้หุ้นพลังงานพลังงานตกเป็นแถว ความจริงไม่ได้กระทบอะไร เราแค่รีดไขมัน เพราะมีหลายอย่างที่เราสิ้นเปลืองไป หน่วยงานรัฐบางแห่งก็ใช้ไฟฟรี โดยใช่เหตุ และไปบวกเอากับประชาชน ซึ่งเชื่อว่าสามารถแก้ปัญหาได้ และถ้าโรงไฟฟ้าไหนที่มีค่าใช้จ่ายเกินกว่า green energy ปิดดีกว่า หรือหยุดผลิต เอาไว้แสตนด์บาย เพราะเราจะลดราคาลงมา และจะดึงค่าเฉลี่ยของค่าไฟลงมา ซึ่ง ปตท.อาจจะกระทบนิดหน่อย แต่เขาก็เต็มใจที่จะต้องลด ก็เป็นไปได้ที่ค่าไฟจะลดลงเรื่อยๆ และค่าไฟของประเทศไทยต้องเป็นแรงจูงใจอย่างหนึ่งสำหรับการลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะดาต้าเซ็นเตอร์ และ AI hub
ประกาศขอรับใช้ชาติ 20 ปี
ตอนหนึ่ง ทักษิณ เปรยขึ้นมาว่า "วันนี้ประเทศไทยต้องพัฒนาคน พัฒนาเศรษฐกิจใหม่ ไม่เช่นนั้นเราจะเสียเปรียบ เมื่อสักครู่ มีท่านหนึ่ง ถามผมว่า เราจะทำทันไหม สู้ ไหวไหม ผมบอกไหว ไม่มีอะไรช้าเกินไป ถ้าเราเริ่มวันนี้ เพราะฉนั้น ผมมั่นใจว่า ก็คงมีเวลารับใช้ประเทศชาติ 20 ปี มั๊ง ( เสียงปรบมือ ) แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วครับ แต่จะช่วยเต็มที่ก็จะทำเท่าที่ทำได้ เพราะวันนี้ต้องเทริ์นอะราวน์ประเทศไทย ไม่เช่นนั้นเราจะอยู่กับวิธีคิดเก่าๆ ถ้าเราไม่เปลี่ยนประเทศไทยจะอยู่ในเทียร์ลำดับล่างๆ จะถูกทั้งโลกใช้ให้เราทำงานให้เขา เขาถือกระดาษ สั่งเราทำ เพราะฉะนั้นเราต้องถือกระดาษ ให้เขาทำงานบ้าง"
ใช้มาตรการเด็ดขาดแก้ pm 2.5
"นายทักษิณ" กล่าวอีกว่า ปัญหาเรื้อรังของประชาชนที่รัฐบาลต้องแก้ ไม่เช่นนั้นความเชื่อมั่นจะไม่กลับมา คือ pm 2.5 ต่อไปนี้ก็คงต้องขอความร่วมมือจากภาคเอกชนและภาคประชาชน ว่าต้องให้มีการรับผิดชอบต่อสังคม ใครเผาอ้อย ข้าวโพด ก็ไม่ควรรับซื้อ ต้องมีมาตรการเด็ดขาดที่จะไม่ส่งเสริมไม่ช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่รับผิดชอบ เพื่อให้ pm 2.5 ลดลงให้ได้ ต้องใช้กฎหมาย และมาตรการ อย่างการช่วยเหลือเกษตรกรปลูกข้าวไร่ละ 1000 บาท ถ้าตรงไหนเผา ก็ไม่ให้เงินช่วย
จัดการปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์
อีกปัญหาคือ สแกรม หรือ คอลเซ็นเตอร์ เรื่องนี้เคยมีการพูดกัน และมีมติคณะรัฐมนตรี ว่าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กับบริษัทโทรคมนาคมทั้งหลาย ห้ามให้ความร่วมมือ ให้ตัดสายตัดบริการนี้ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีการกระทำคอลเซ็นเตอร์ หรือผลิตยาเสพติด ทุกวันนี้เปรียบเสมือนเราให้ทุนสู้รบในพม่าโดยไม่รู้ตัว เพราะเขาเอายาเสพติดมาขายลูกหลานเรา อันนี้ต้องเด็ดขาด ในฐานะที่ตนได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของประธานอาเซียน งานแรกที่เขาขอให้ช่วยทำคือ เรื่องของเมียนมา เพราะเขารู้ว่าตนรู้จักทุกภาคส่วนของเมียนมาที่รบกัน ทุกวันนี้จึงอยากให้พูดคุย รัฐบาลเป็นแทร็ค 1 ไม่ใช่รัฐบาลเรียกแทร็ค 2 การแก้ปัญหาของโลกระหว่างประเทศ เขาใช้ แทร็ค 2 ก่อน ส่วนแทร็ค 1 ไปปิดดีล ทั่วโลกเป็นแบบนี้ ซึ่งตนก็เป็น แทร็ค 2 ให้กับประเทศอาเซียน เพื่อจะทำงานแก้ปัญหาหลายๆเรื่อง และเรื่องนี้ต้องรีบทำ
ปัญหาสุดท้ายที่ตนกลุ้มใจคือ คนไม่มีเงินใช้ เพราะเงินที่หาได้ เอาไปซื้อของกิน ซื้อเสื้อผ้า ซึ่งร้านค้าในต่างจังหวัดก็เป็นสาขาของกรุงเทพฯ เงินก็ถูกส่งกลับมา เพราะฉะนั้นเงินที่หาได้ไม่ได้อยู่ในชนบท น่ากลุ้มใจมาก แต่ตนมองง่ายๆว่า เราจะจูงใจให้บริษัทในกรุงเทพ ใครตั้ง headquarter ที่ต่างจังหวัดบ้างหรือไม่ อาจมีการลดภาษีให้ และได้พูดคุยกับการท่าอากาศยานฯ ว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่สนามบินต่างจังหวัดหลายแห่ง มีที่จอดเครื่องบินอยู่เยอะแยะ ทำไมต้องมาจอดที่ดอนเมืองกับสุวรรณภูมิ ก็ลองให้บางจังหวัดเป็นแหล่งจอดของสายการบินต่างๆ ค่าใช้จ่ายถูกด้วย ที่อยู่ของแอร์และกัปตัน ก็จะถูกลง และไปเพิ่มเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดนั้น อันนี้เป็นความคิดที่ยังไม่ได้ทำ
อีกเรื่องที่คิดว่าจะกระจายเงินอย่างไรก็คือ "ดิจิทัลวอลเล็ต" นอกเหนือจากกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะเป็นตัวหนึ่งที่จะรักษาเงินในชนบทเอาไว้ ถ้าเราจะทำงานให้สำเร็จ กระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ชวนการลงทุนจากต่างประเทศต่อเนื่อง และเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าเศรษฐกิจของเราจะกลับมาโต
"รัฐบาลมีหน้าที่ทำงานให้ประชาชน ถ้าคุณไม่ใช้รัฐบาลแล้วคุณจะใช้ใคร มานั่งด่ารัฐบาล แล้วใครทำ ความจริงแล้วต้องช่วยกันทำด้วยกัน สนับสนุนให้รัฐบาลทำงานให้ประเทศชาติ ใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องให้มาทำงาน วันนี้ผมเชื่อว่าถ้าเราได้รับความร่วมมือโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคร่วมรัฐบาล ก็ร่วมมือกันดี วันนี้ก็ผ่านหลักการสำคัญ 2 เรื่อง"
"นายทักษิณ" กล่าวอีกว่า วันนี้อยากเห็นความสามัคคี เพราะประเทศเราแตกสามัคคีมานานแล้ว พวกขาประจำพร้อมจะพูดคุยเลี้ยงไวน์ เพื่อที่จะได้หยุดเสียทีให้บ้านเมืองเข้ามาหากัน วันนี้เราช้ากว่าประเทศอื่น แต่เราเป็นประเทศน่าอยู่ เรากำลังทำลายกันเองโดยไม่เกิดประโยชน์ นักวิชาการ นักโพลทั้งหลาย อยากให้มีความสามัคคีกัน