svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ผลสำรวจ "เด็กคิดอย่างไรต่อการเมือง" ให้นักการเมือง ไม่โกง-กร่าง-โปร่งใส

ซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจ "เด็กคิดอย่างไรต่อการเมือง" ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง นักการเมืองเป็นแบบอย่างที่ดี "ไม่โกง-ไม่กร่าง-โปร่งใส-ยึดหลักความยุติธรรม" สูง 77.1 เปอร์เซ็นต์

12 มกราคม 2568 ดร.ชาญวิชย์ อริยาวรนันต์ รักษาการผู้อำนวยการ สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง "เด็กคิดอย่างไรต่อการเมือง"

 

กรณีศึกษาตัวอย่างเด็กและเยาวชนอายุ 14 – 19 ปี ทุกภูมิภาคของประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) 

 

 

ผลสำรวจ \"เด็กคิดอย่างไรต่อการเมือง\" ให้นักการเมือง ไม่โกง-กร่าง-โปร่งใส

1.การเปลี่ยนแปลงที่ต้องการในบุคลิกของนักการเมือง: ร้อยละ 77.1 ของเด็กและเยาวชนผู้ตอบแบบสอบถามต้องการเห็นนักการเมืองที่มีความโปร่งใส, ซื่อสัตย์, และไม่ใช้ความรุนแรง

 

2.ความสำคัญที่ต้องการให้นักการเมืองใส่ใจกับการศึกษา: ร้อยละ 72.4 ต้องการให้นักการเมืองให้ความสำคัญกับการศึกษาและการพัฒนาเยาวชนมากขึ้น

 

3.ความเห็นว่านักการเมืองเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว: ร้อยละ 65.8 ระบุว่านักการเมืองมีการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ของส่วนรวม

 

4.ความเบื่อหน่ายต่อนักการเมือง: ร้อยละ 63.7 รู้สึกเบื่อหน่ายกับนักการเมือง แต่ยังคงสนใจติดตามข่าวสารทางการเมือง

 

5.การทำงานของนักการเมืองเฉพาะเรื่อง: ร้อยละ 61.5 ระบุว่านักการเมืองทำงานได้ดีเฉพาะในเรื่องที่พวกเขาสนใจเท่านั้น

 

6.ความรู้สึกต่อนักการเมืองท้องถิ่น: ร้อยละ 33.4 รู้สึกดีต่อนักการเมืองท้องถิ่น

 

7.ความเชื่อมั่นในนักการเมือง: ร้อยละ 21.8 เชื่อมั่นว่านักการเมืองสามารถทำตามสัญญาได้

 

8.แรงบันดาลใจจากนักการเมือง: ร้อยละ 20.5 มีนักการเมืองที่เป็นแรงบันดาลใจ

 

9.ความสนใจในการเมือง: ร้อยละ 15.9 สนใจมีส่วนร่วมทางการเมือง

 

10.ความสนใจในอาชีพนักการเมือง: ร้อยละ 10.8 สนใจที่จะเป็นนักการเมืองในอนาคต

 

กล่าวโดยสรุป การศึกษาของ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ครั้งนี้มุ่งเน้นการสำรวจความคิดเห็นและทัศนคติของเด็กและเยาวชนชาวไทยที่มีต่อนักการเมืองและกระบวนการทางการเมือง

 

โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำความเข้าใจถึงความคาดหวังและความต้องการของกลุ่มอายุนี้ ซึ่งจะช่วยให้นักการเมืองและผู้กำหนดนโยบายสามารถวางแผนและปรับปรุงนโยบายให้สอดคล้องกับความต้องการของเยาวชนได้ดียิ่งขึ้น

 

 

นอกจากนี้ ผลการวิจัยนี้ชี้ให้เห็นถึงความต้องการของเยาวชนในการเห็นการเปลี่ยนแปลงในแวดวงการเมือง โดยเฉพาะการเน้นย้ำความโปร่งใสและความซื่อสัตย์

ผลการวิจัยเสนอให้นักการเมืองและผู้กำหนดนโยบายพัฒนาและปรับปรุงแนวทางการทำงานและนโยบายในด้านการศึกษา และเพิ่มการมีส่วนร่วมของเยาวชนในกระบวนการทางการเมือง

การศึกษานี้สามารถช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าใจถึงความคาดหวังของเยาวชนและสนับสนุนให้พวกเขามีบทบาทในการรูปแบบนโยบายและการเมืองของประเทศในอนาคต