8 มกราคม 2568 "นายรังสิมันต์ โรม" สส.พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณี "อดีต สส.กัมพูชา" โดนยิงในประเทศไทย ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อุกอาจมาก แม้จะเกิดขึ้นกับคนไทยด้วยกัน ก็เป็นการกระทำที่อุกอาจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกลางกรุง ตำรวจต้องให้ความสำคัญและเอาจริงเอาจัง
ทั้งนี้ หากดูจากแบล็คกราวของ สส. คนนี้ ก็เป็นอดีตนักการเมืองที่ต่อต้านรัฐบาลปัจจุบันของกัมพูชา แต่ที่นี่ประเทศไทย เรามีกฎหมายและประชาธิปไตย อำนาจอธิปไตยเป็นของตัวเอง เราจะไม่ยอมให้ประเทศไหนหรือใครก็ตาม มาปฏิบัติการฆ่าคนเห็นต่างของชาติตัวเอง แล้วหวังว่าจะไม่มีเบื้องหลังแบบนั้น ตอนนี้เรามีข้อมูลของคนที่ยิง ต้องตามจับและขยายผล ไม่ควรจะจบแค่มือปืน ควรขยายผลหาผู้อยู่เบื้องหลังคือใคร และต้องสร้างความมั่นใจว่าใครก็ตามที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นชาติไหน จะต้องปลอดภัย
ทั้งนี้ "นายรังสิมันต์ โรม"ยังได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คด้วยว่า การการลอบสังหารอดีต สส.ฝ่ายค้านก้มพูชา คุณลิม คิมหยา ที่คนร้ายได้ลงมือทำอย่างอุกอาจและละเมิดกฎหมายของประเทศไทยอย่างร้ายแรง ผมหวังว่ารัฐบาลจะออกมาจัดการปัญหานี้อย่างจริงจังและขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับกุมตัวคนร้ายโดยเร็ว รวมถึงการขยายผลไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้
เราต้องการเห็นประเทศไทยเป็นประเทศที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน และเราจะต้องไม่ยอมให้อำนาจต่างชาติเข้ามาแทรกแซง และทำร้ายศัตรูทางการเมืองของตัวเองได้ในดินแดนของเราครับ
"กัณวีร์" เชื่อ ยิงอดีต สส.กัมพูชา เป็นมาตรการกดปราบข้ามชาติ
"นายกัณวีร์ สืบแสง" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงกรณีคนร้ายก่อเหตุยิง นายลิม คิมยา ชาวกัมพูชา สัญชาติฝรั่งเศส นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และ อดีต สส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ย่านบางลำภู วานนี้ (7ม.ค.68) ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียกว่า"การกดปราบ ข้ามชาติ"
"เหตุการณ์นี้ไม่ใช่กรณีแรก เป็นการที่ผู้ลี้ภัยหนีการประหัตประหาร จากประเทศหนึ่งมาอีกประเทศหนึ่ง และมีการร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นอย่างเปิดเผยหรือในทางลับ ทำให้เกิดการกดปราบข้ามชาติ เหมือนกรณีของ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่หายตัวในกัมพูชา ขณะที่เมื่อเดือนที่แล้วทางการไทยได้ส่งตัวอดีตนักเคลื่อนไหวชาวกัมพูชากลับไปกัมพูชา สะท้อนให้เห็นความหย่อนยานในกระบวนการกฎหมายของไทย"
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า เป็นความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ นายกัณวีร์ บอกว่า แน่นอน เพราะตนทำเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน และช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีอดีตนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของฝั่งกัมพูชา มาเสียชีวิตในพื้นที่ภาคอีสานของไทยอย่างต่อเนื่อง จึงสงสัยว่า เมื่อไหร่รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับเรื่องการกดปราบข้ามชาติอย่างจริงจัง จะต้องไม่เป็นเครื่องมือ ทางการเมืองของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน
เมื่อถามถึงมาตรการการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน หรือผู้ลี้ภัยทางการเมือง ไม่ใช่การผลักดันกลับประเทศ แต่สามารถยิงได้เลย ใช่หรือไม่ นายกัณวีร์ กล่าวว่า จริงๆแล้วไม่ได้ เพราะทางกฎหมายและประเพณีปฏิบัติระหว่างประเทศที่เรายึดมั่นอยู่แล้ว เป็นหลักการไม่ส่งกลับ โดยเฉพาะมาตรา 13 ของพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย หรือ พ.ร.บ. อุ้มหาย ที่ระบุว่าไทยไม่สามารถผลักดัน คนที่หนีการประหัตประหาร กลับไปที่ประเทศต้นทางได้ แต่ที่ยิ่งเลวร้ายกว่าคือการปล่อยให้มีการประหัตประหารในผืนดินไทย ซึ่งไทยผิดทั้งกฎหมายในประเทศ และหลักการระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ยังบอกไม่ได้ว่าเหตุการณ์ยิงครั้งนี้เป็นการกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ จะต้องสืบสวนสอบสวนอย่างโปร่งใส
"นายกัณวีร์" ยังเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี ว่าการคุ้มครองระหว่างประเทศโดยเฉพาะผู้ลี้ภัยในประเทศไทย แม้ว่าไทย จะยังไม่ลงสัตยาบันในอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัย แต่เรามีทั้งกฎหมายระหว่างประเทศและในประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ซึ่งอย่างไรต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เพราะมีคนมาตายในประเทศไทย แต่ต้องขยายความให้ได้ว่าเขาเป็นผู้ลี้ภัยจริงหรือไม่ และเราต้องให้ความคุ้มครองคนที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าเขาจะสัญชาติอะไร ซึ่งการที่ผู้ลี้ภัยทางการเมืองมาเสียชีวิตในประเทศไทยมีมานานแล้ว เรื่องก็เงียบมานานแล้ว เพราะฉะนั้นจะต้องไม่เงียบอีกต่อไป
ปิยรัฐ” จี้รัฐบาลเร่งล่ามือสังหาร ลบข้อครหาไทยทางผ่านอาชญากรรม
"นายปิยรัฐ จงเทพ" สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน แถลงเรียกร้องให้รัฐบาล เร่งติดตามจับกุมผู้กระทำผิดในการลอบสังหาร "นายลิม กิมยา" อดีต สส.ฝ่ายค้าน พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา หรือ CNRP หลังเมื่อช่วงเย็นเมื่อวานนี้ (7 ม.ค.) เวลา 18.00 น. นายลิม ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง วัย 74 ปี ถูกสังหารด้วยอาวุธปืน จนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุบริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ ในระหว่างที่นายลิม พร้อมภรรยา และผู้ติดตาม ได้เดินทางเข้ามาภายในประเทศไทยในฐานะท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันนายลิม ถือสัญชาติทั้งกัมพูชา และฝรั่งเศส และยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองในกัมพูชา
โดยมีจุดยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับ"รัฐบาลสมเด็จฮุนเซน" อดีตนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชามาโดยตลอด ดังนั้นการเสียชีวิตในครั้งนี้จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ ที่ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นอดีต สส.กัมพูชา แต่การเคลื่อนไหวที่ผ่านมาจึงทำให้เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ถูกตั้งคำถามจากสังคม ถึงเหตุจูงใจในการก่อเหตุว่าจะเกี่ยวข้องกับปัญหาทางการเมืองภายในประเทศกัมพูชาหรือไม่
ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทย ในฐานะที่เป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ต้องเร่งกอบกู้ความเชื่อมั่นด้านความมั่นคง ความปลอดภัยและความยุติธรรม กลับมาสู่สายตาชาวไทยและชาวโลกโดยเร็ว ก่อนที่ต่างชาติจะมองประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของแก๊งอาชญากรรม เป็นแหล่งซ่อมสูงอาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ หายาเสพติด โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน จึงขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการโดยเร็ว และเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามขบวนการอาชญากรรมให้สิ้นซาก ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (8 ม.ค.) ศาลได้อนุมัติหมายจับแล้ว จึงหวังว่า จะสามารถจับกุมคนร้ายมาสอบสวนได้โดยเร็ว
ส่วนตั้งข้อสังเกตต่อเหตุที่เกิดขึ้นอย่างไรนั้น นายปิยรัฐ คาดว่า อาจเกี่ยวข้องกับแรงจูงใจทางการเมืองภายในของกัมพูชาหรือไม่ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เคยถูกข่มขู่ภายในกัมพูชาเหมือนกัน ดังนั้น จึงขอให้เจ้าหน้าที่เร่งจับกุมคนร้ายเพื่อมาสอบสวนในอนาคตต่อไป และหวังว่าจะไม่เป็นการจงใจมาสังหารนายลิม ในประเทศไทย
ส่วนที่ครอบครัว"นางสาวแพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี มีความใกล้ชิดกับ"สมเด็จฮุนเซนฯ"นั้น "นายปิยรัฐ" ระบุว่า รัฐบาลจะต้องตอบคำถามเรื่องนี้ให้ชัดเจน ไม่ทำให้เป็นไฟลามทุ่ง พร้อมเร่งจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด
ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบอย่างไรกับประเทศไทยนั้น "นายปิยรัฐ" เชื่อว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องเฉพาะกัมพูชา แต่จะเกี่ยวข้องกับฝรั่งเศสด้วย เพราะนายลิม ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และเชื่อว่า ทั้งยุโรป และสหประชาชาติ จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะทั่วโลกจับตาอยู่แล้วว่า พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชา กำลังถูกเล่นงานจากรัฐบาลกัมพูชา จึงถือเป็นเรื่องท้าทายของรัฐบาลไทย
"นายปิยรัฐ"ยังระบุด้วยว่า ศาลกัมพูชาเคยมีคำสั่งตัดสินยุบพรรค CNRP เมื่อปี 2560 จากข้อกล่าวหามีการวางแผนสมคบคิดกับชาวต่างชาติในการโค่นล้มรัฐบาลสมเด็จฮุนเซน ซึ่งคำตัดสินของศาลมีผลทำให้สมาชิกพรรค CNRP ทั้งหมด 118 คน ถูกคำสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ส่งผลให้การเลือกตั้งทั่วไปในปี 2561 พรรครัฐบาล ที่นำโดยสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น สามารถลงเลือกตั้งโดยไร้คู่แข่งหลัก และหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค CNRP บางส่วนต้องลี้ภัยในต่างประเทศ ซึ่งแม้พรรค CNRP จะถูกยุบ แต่ก็ยังมีสมาชิกเคลื่อนไหวอยู่โดยเฉพาะนายลิม
ด้าน "นายจุลพงศ์ อยู่เกษ"สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงบทบาทของนายลิม หากเทียบกับประเทศไทย ก็จะเทียบได้กับนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และหวังว่า ต่างชาติจะไม่มองประเทศไทย เป็นบ้านป่าเมืองถือ แต่เรื่องดังกล่าว ถือเป็นเรื่องไม่ปกติ เพราะการสังหารในย่านบางลำภู กรุงเทพฯ เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และหวังว่า รัฐบาลจะเร่งจัดการในเรื่องนี้
สำหรับข้อมูลของมือปืน (จ่าเอ็ม)
"พ.จ.อ.เอกลักษณ์ แพน้อย" หรือ จ่าเอ็ม จบจากโรงเรียนจ่าทหารเรือ เคยรับราชการเป็นทหารเรือ ตำแหน่งช่างแผนกเครื่องมือเดินเรือ กองโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ กรมอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือและตำแหน่งในยามสงคราม คือ ผู้บังคับหมู่ปืนใหญ่ที่ 8 ส่วนยิง
เคยกระทำความผิดและถูกลงทัณฑ์ทางวินัย ขัง 2 ครั้ง เมื่อปี 2564 และ 2565
จากนั้น ปี 2566 มีความผิดฐานขาดราชการ ทางกองทัพเรือ จึงพิจารณาให้ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. 2566