7 มกราคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินสายอวยพรผู้หลักผู้ใหญ่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า ต้องทยอยไปสวัสดีปีใหม่ผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำเป็นปกติทุกปีอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ได้ไปอวยพรนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "ทุกคนแหละครับ ไม่ใช่ท่านทักษิณคนเดียว รวมถึงอดีตผู้บังคับบัญชา ท่านองคมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา ก็พยายามนัดเข้าไปกราบอวยพรปีใหม่อยู่"
เมื่อถามย้ำว่า ในส่วนนายทักษิณได้ไปกราบอวยพรแล้วหรือยัง นายอนุทิน กล่าวว่า ไปกราบมาแล้ว ไปเจอมาแล้ว เมื่อวานนี้ (6 ม.ค.)
ถามต่อว่า ได้มีการพูดคุยเรื่องการเมืองหรือไม่ นาอนุทิน ตอบว่า ไม่ ไปสวัสดีปีใหม่เพียงอย่างเดียว และไปกินบะหมี่ไม่ได้กินมาม่า
เมื่อซักว่า นายทักษิณได้ฝากอะไรเกี่ยวกับการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน ย้ำว่า ไม่ได้คุยเรื่องการทำงาน ตอนนี้นายทักษิณมาอยู่ประเทศไทย เราก็อวยพรสวัสดีปีใหม่ท่านผู้ใหญ่
ถามอีกว่า มีการหารือประเมินถึงสถานการณ์การเมืองปีนี้หรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า นายทักษิณ ไม่ได้ถามเรื่องพวกนี้เลย ซึ่งนายทักษิณบอกว่านายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ชมตนในเรื่องการทำงานว่าสนับสนุนนายกฯ อย่างดี ซึ่งตนก็ฟังและยิ้ม
เมื่อถามอีกว่า ได้พานายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ไปด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ไปด้วยกัน
ถามต่อว่า นายทักษิณกับนายเนวิน ได้คุยกันอย่างเเฮปปี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็นั่งกินข้าวกลางวันกัน ซึ่งตนกับนายเนวิน ก็เคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายทักษิณ ตั้งแต่ปี 46
เมื่อถามอีกว่า ความสัมพันธ์ดีอย่างนี้ ภูมิใจไทยจะไม่ถูกเขี่ยออกจากครม.แน่นอนใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ ก่อนตอบว่า "ทำไมถามนำอย่างนี้ ทำอะไรผิดล่ะ ก็บอกแล้วไงว่าน่ารักอย่างนี้
นายกฯ ยัน ยังไม่มีแผนปรับ ครม.
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. แม้นายกฯบอกว่าจะไม่ปรับ แต่จะเรียกรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงมาพูดคุยถึงเพื่อประเมินการทำงาน ในรอบ 3 เดือนว่า เรื่องนี้เป็นแผนที่คุยกัน และภายในเดือนนี้จะเชิญมาคุยได้ประมาณ 2 กระทรวง และอยากคุยตั้งแต่เริ่มเป็นรัฐมนตรี พอมีงานหลายอย่างไล่เรียงเข้ามา ต้องแยกว่าแต่ละกระทรวงรับผิดชอบอะไรบ้างและตอนนี้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
"การเชิญรัฐมนตรีเข้ามาคุย ที่จริงได้แจ้งทุกท่านตั้งแต่ปี 2567 เรื่องนี้รัฐมนตรีไม่ตกใจแน่นอน เพราะเป็นการอัพเดตสถานะว่านโยบายนั้นทำถึงไหนแล้ว เพราะได้กระจายงานให้รองนายกฯแต่ละคน แต่ที่เรียกมาคุยเพราะจะได้ทราบว่าคนที่อยู่หน้างานทำอะไรบ้าง จะได้จัดเวลาให้รัฐมนตรีแต่ละคนในการเสนอและพูดคุย เพื่อขอการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น"
เมื่อถามกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร กล่าวบนเวทีปราศรัยจะเร่งแก้เรื่องทุนผูกขาด หากรัฐมนตรียังไม่สามารถทำได้ก็ต้องเรียกมาคุย ถ้าทำไม่ได้ให้เปลี่ยนตัว นายกรัฐมนตรี ยิ้มและกล่าวว่า ถ้าฟังสิ่งที่นายทักษิณ พูดเป็นสไตล์การทำงานของนายทักษิณ ไม่ได้เหมือนกับตน เป็นคนละแบบกัน การที่เรียก รมต.มาคุย ที่จริงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะตนมีไลน์ส่วนตัวของรองนายกฯและรัฐมนตรี ที่สามารถพูดคุยกันได้อยู่แล้ว พร้อมกลับหันไปมองหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งไม่ได้ยืนอยู่ในที่แถลง และยกตัวอย่างว่ารมว.พาณิชย์ ก็คุยกันเรื่องราคาพืชผล และคุยกันทางไลน์พบว่ามีตัวเลขเยอะ โดยถามและเน้นย้ำว่าจะช่วยเรื่องราคาสินค้าเกษตรอย่างไร ที่เป็นการผูกขาดทั้งราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคต้องดำเนินการ เพราะไม่อยากให้มีการผูกขาดเกิดขึ้น เมื่อเน้นย้ำเสร็จจากนั้นคือขั้นตอนของการทำงาน การจะเปลี่ยนตัวอะไร ยังไม่ได้พูดถึง
เมื่อถามย้ำว่า ที่นายกฯ ระบุสไตล์การทำงานแตกต่างจากนายทักษิณ ได้ยึดหลักอะไร หรือกำหนดช่วงเวลาในการจะปรับครม.อย่างไร นายกรัฐมนตรีหัวเราะและกล่าวว่า สไตล์ของคุณพ่อเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่สไตล์ของตน และคุยก่อนและพูดตรงๆ ว่าอยากให้สิ่งนี้ หนึ่ง สอง สาม เกิดขึ้นก่อนได้หรือไม่ และนายกฯจะสนับสนุนอะไรได้บ้าง ดังนั้นถ้าเป็นการละเลย หรือไม่สนใจการทำงานจะเห็นเจตนาอยู่แล้ว ถ้าเป็นขั้นตอนการทำงานที่เข้าใจได้ต้องสนับสนุนให้ไปต่อ เพราะความมีเสถียรภาพจะทำให้งานเกิด และในกระทรวงต่างๆ หากมีเสถียรภาพการทำงานจะต่อเนื่องในรัฐบาล
“ดิฉัน ไม่มีแผนปรับครม. อย่างไรจะบอกอีกครั้ง ตอนนี้ยังไม่คิดปรับครม.เลย“
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากจะมีการปรับจะต้องยึดหลักอะไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกอย่างดูจากผลงาน
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่นายทักษิณ ออกมาเคลื่อนไหวและพูด เหมือนเป็นการล้ำหน้าก่อน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เข้าใจที่ทุกคนเวลาพูดกันว่านายกฯตัวจริงบ้าง หรือที่แปลว่ามีหลายนายกฯ ที่ผ่านมาต่างกันตรงที่ว่าตนเป็นลูก ไม่ได้เป็นคู่แข่งกับนายทักษิณ ฉะนั้นการที่โตขึ้นมาในบ้านที่ท่านเป็นหัวหน้าครอบครัว สิ่งที่ท่านพูดอะไรถ้านำมาประยุกต์ใช้ได้และ ปรับใช้ในชีวิตคือสิ่งดี และ มองว่าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทั้งฝ่ายค้าน นักวิชาการ รัฐมนตรี หรือใครก็ตามที่คิดว่าเป็นประโยชน์ควรนำมาใช้ เราจะไม่ฟังคนที่ไม่ชอบเราคงไม่ได้ และคุณพ่อ เคยเป็นนายกฯที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ฉะนั้นการพูดหรืออะไรตนรับฟังอยู่แล้ว แต่หากรู้สึกไม่แฮปปี้ สื่อไม่ต้องลุ้น เพราะตนจะหลังไมค์ไปแน่นอน ให้คิดง่ายๆเหมือนคนในครอบครัวคุยกัน ซึ่งตนก็เป็นอย่างนั้น หากถามว่ารู้สึกอะไรหรือไม่ต้องบอกว่าเป็นสไตล์การพูดของท่าน
ผู้สื่อข่าวถามว่าสิ่งที่นายทักษิณ พูด และรัฐบาลนำมาทำ จนทำให้มองว่ามีนายกฯอีกคน นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า นั่นคือการคุยหลังไมค์กัน ส่วนตนกำหนดไว้แล้วว่าจะให้สัมภาษณ์หลังการประชุมครม.เท่านั้น ฉะนั้นสิ่งที่นายทักษิณ พูดก่อน ถือว่าเป็นรอบที่ท่านจะพูดและไม่เป็นไร ต้องดูว่าประโยชน์อยู่ที่ใคร อยู่ที่ประเทศหรือไม่หากเกิดขึ้นจริง ถ้าอยู่ที่ประเทศก็จบ เพราะตนไม่ได้กระทบอะไร ไม่รู้สึกว่ามีนายกฯสองคน สามคนหรือต้องเสียใจอะไร
เมื่อถามย้ำว่าสังคมบอกว่าเป็นการแบ่งทำงาน โดยนายทักษิณ เป็นฝ่ายบู๊ และนายกฯเป็นฝ่ายประนีประนอม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่นายทักษิณ พูดหลายอย่างบางทีไม่ได้เกิดขึ้น เพราะหลายอย่างต้องผ่านมติ ครม. นายทักษิณ เป็นคนมีวิสัยทัศน์ คิดก่อนว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เมื่อไม่ได้ดำรงตำแหน่ง แม้จะมีวิสัยทัศน์แต่จะนำมาปฏิบัติได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหาร ต้องแยกภาพให้ชัดเจน ไม่ได้เป็นไปตามที่พูดทั้งหมด หากกระทบแล้วเป็นเรื่องที่ดีก็ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา มีพรรคร่วมรัฐบาลใดที่ยังดื้อ และรัฐมนตรีคนใดที่ยังสอบไม่ผ่าน นายกรัฐมนตรี เหลือบหันไปทางรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่พูดว่ามีแต่น่ารัก ทำให้นายกรัฐมนตรีป้องปากหัวเราะ ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย หันไปสะกิดพร้อมถามนายอนุทิน ซึ่งยืนอยู่ข้างกันว่าดื้อหรือไม่ นายอนุทิน จึงตอบว่า “ไม่ดื้อ มีแต่น่ารัก“ และนายกฯกล่าวย้ำว่า“ เขาบอกว่ามีแต่น่ารัก ไม่มีดื้อ นายกฯดื้อที่สุด“