นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานกานณ์ทางการเมืองที่หลายคนตั้งข้อสงสัยรัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปีหรือไม่ว่า หากดูจากปรากฏการณ์ยกมือโหวตสวนของพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าเข้าใจจริง ๆ ว่า เป็นรัฐบาลผสม ไม่ใช่รัฐบาลที่มีความเห็นเหมือนกัน เป็นรัฐบาลผสมร่วมกัน 6 พรรคการเมือง การมาร่วมกันเพราะมีวัตถุประสงค์ คือ ต้องการให้ประเทศเดินหน้า เพราะเห็นปัญหามานานกว่า 10 ปี ซึ่งในความจำเป็นและความเห็นพ้องต้องกัน จึงพยายามร่วมกันให้มากที่สุด
ดังนั้น การเป็นรัฐบาลหลายพรรค ตนก็พยายามอธิบายให้สื่อเข้าใจว่า สิ่งที่ตนอยากเห็นคือความสอดคล้องในการทำงานร่วมกันมากที่สุด เพราะประเทศบอบช้ำมานานนับ 10 ปี จึงต้องการความเชื่อมั่น โอกาส และกำลังใจในการทำงานร่วมกันถึงที่สุด สร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศและประชาชน รัฐบาลมีหน้าที่คิดและผลักดัน ซึ่งตนคิดว่าจะเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือกันทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าอย่างดี และตนอยากคุยแลกเปลี่ยนบอกความในใจ ไม่ว่าจะเห็นเหมือน หรือเห็นต่าง ก็ว่ากันไป
ส่วนความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย ที่ตอบโต้กันไปมานั้น นายภูมิธรรม บอกว่า เรื่องนี้ไม่กังวล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการโหวตสวนของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งการเห็นเหมือนกันหมดก็แปลว่าเป็นพรรคเดียวกัน แต่เพราะเป็นคนละพรรค จึงมีความเห็นที่ต่างกัน การเห็นต่างแต่ร่วมกันได้ แสดงว่าต้องมีจุดร่วม ซึ่งทุกคนอยากเห็นประเทศเดินหน้า หรือแม้กระทั่งสีต่าง ๆ ก็ยังพอกลมกลืนกันได้ ดังนั้น เรื่องนี้ตนคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนคดีความต่าง ๆ ที่ถูกร้องเรียนอยู่ในขณะนี้ ปลายทางจะสิ้นสุดในปี 2568 จะทำให้รัฐบาลนี้อายุสั้นหรือไม่ นายภูมิธรรม บอกว่า ยังไม่ทันทำอะไรเลย คิดว่ารัฐบาลนี้ผิดแล้วหรือ สิ่งที่ร้องเรียนมาไม่มีความผิดก็เยอะ จึงอย่าด่วนตัดสินใจ และไปประเมินบนฐานที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ต้องให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้า และถึงแม้ว่าจะผิดหรือไม่ ก็มีทางออก สมมติว่าหากมีกระบวนการ แบบที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เผชิญ กลไกของรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยก็ยังทำงานได้ ซึ่งในส่วนของพรรคเพื่อไทย ยังมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในบัญชีคนที่ 3 ถ้าหากเราโชคร้าย แต่หากมองว่าคนที่ 3 ไม่เหมาะสม พรรคการเมืองต่อไป มีคนที่ 1-2 ก็ยังทำหน้าที่ต่อไปได้ ทั้งนี้กระบวนการประชาธิปไตยเราไม่ใช่เจ้าของสิทธิ์ เราเป็นเพียงเจ้าของสิทธิ์เพียงคน 3 คน ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น หากความร่วมมือในการแก้ปัญหายังไม่มีความขัดแย้ง ก็สามารถเดินต่อได้ เพราะประชาธิปไตยไม่ได้ผูกขาดไว้ที่ใคร