นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงย้ำถึงกรณีที่ประเทศไทย ได้รับหนังสือเชิญเข้าเป็นประเทศหุ้นส่วนจากฝ่ายรัสเซีย ซึ่งเป็นประธานกลุ่ม BRICS ปี 2567 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา และต่อมา เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้รับทราบว่า ไทยจะมีหนังสือตอบรับการเชิญดังกล่าว โดยในวันเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เพื่อตอบรับการเข้าเป็นประเทศหุ้นส่วนกลุ่ม BRICS ซึ่ง BRICS ได้กำหนดบทบาทของประเทศหุ้นส่วนไว้ในเอกสาร Modalities of BRICS Partner Country Category ซึ่งมีประเด็นหลัก ๆ เช่น ประเทศหุ้นส่วนจะต้องเข้าร่วมการหารือระหว่างประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS กับประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (BRICS Partnership Session) ในระดับต่าง ๆ ได้แก่ การประชุมระดับผู้นำ, การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ และการประชุมรัฐมนตรีรายสาขาที่ได้รับเชิญอย่างแข็งขัน โดยประเทศหุ้นส่วนอาจพิจารณาให้การสนับสนุนเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำและการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม BRICS ด้วย
นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังย้ำอีกว่า การเป็นประเทศหุ้นส่วนกลุ่ม BRICS ถือเป็นก้าวสำคัญในการเข้าเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบของกลุ่ม BRICS ของไทยในอนาคต โดยไทยมุ่งยกระดับความร่วมมือกับกลุ่ม BRICS เพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ไทย โดยที่ BRICS เป็นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง ทั้งด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเพื่อชูบทบาทของไทยในการส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศกำลังพัฒนา และเสริมสร้างระบบพหุภาคีที่ประเทศกำลังพัฒนาได้ประโยชน์มากที่สุด ตลอดจนเป็นสะพานเชื่อม (Bridge Builder) ระหว่างกลุ่ม BRICS กับกลุ่มประเทศต่าง ๆ โดยกระทรวงการต่างประเทศมีแผนจะหารือเพิ่มเติมกับหน่วยงานและภาคส่วนต่าง ๆ ของไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าเป็นประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS ต่อไป
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 บราซิลจะเป็นประธานกลุ่ม BRICS ต่อจากรัสเซีย โดยจะใช้หัวข้อหลักคือ “การเสริมสร้างความร่วมมือของประเทศโลกใต้เพื่อธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนขึ้น” (Strengthening Cooperation in the Global South for More Inclusive and Sustainable Governance)
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ เกี่ยวกับการมีหนังสือตอบรับคำเชิญเข้าเป็นประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS4 (BRICS Partner Country) ของไทย ตามมติของที่ประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 16 (The 16th BRICS Summit) เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2567 ณ เมืองคาซาน สหพันธรัฐรัสเซีย เพื่อกระทรวงการต่างประเทศจะได้แจ้งฝ่ายรัสเซียต่อไป
มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
นายจิรายุ ยังยืนยันด้วยว่า การเข้าเป็นประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS จะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายไทย เช่น ส่งเสริมการเข้าเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบและการมีปฏิสัมพันธ์ของไทยกับกลุ่ม BRICS โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุน การเงิน ความมั่นคงด้านอาหารความมั่นคงด้านพลังงาน รวมทั้งเพิ่มบทบาทของไทยในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศและความเข้มแข็งของระบบพหุภาคี และเมื่อไทยเข้าเป็นประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS แล้ว จะต้องดำเนินการ เช่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจะต้องเตรียมความพร้อมในการมีส่วนร่วมของกลุ่ม BRICS ที่ไทยจะได้รับเชิญ และส่งผู้แทนระดับรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีรายสาขาที่ได้รับเชิญในแต่ละปี รวมทั้งพิจารณาตั้งงบในการเข้าร่วมประชุมที่เกี่ยวข้องต่อไป และไทยอาจพิจารณาให้การสนับสนุนต่อเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำและการประชุมผู้นำและการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม BRICS ได้
ทั้งนี้ สำหรับประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS เป็นกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว อันประกอบด้วย บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) และประเทศใหม่อีก 5 ประเทศ อียิปต์ สหรัฐอาหรับฯ เอธิโอเปีย ซาอุดีฯ อิหร่าน ซึ่งที่ผ่านมามีประเทศที่เสนอเข้าเป็นสมาชิกเพิ่มเติมอีก 3 ประเทศ คือ ไทย แอลจีเรีย และประเทศโบลิเวีย