นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกพรรคฯ กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยบนเวทีหาเสียงนายก อบจ.เชียงใหม่ ถึงพรรคประชาชน ที่เป็นคนรุ่นใหม่ พูดเก่ง แต่ทำไม่ได้ และไม่มีโอกาสได้ทำว่า เป็นสิ่งที่นายทักษิณมีความเห็นได้ แต่ตนก็ขอตั้งข้อสังเกตกลับไปว่า นายทักษิณได้ตั้งข้อสังเกตนี้กับรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะหากไปดูผลงานที่ผ่านมาของรัฐบาลชุดนี้ ที่การกระทำไม่สอดรับกับคำพูดเท่าไรนัก พร้อมยกตัวอย่าง 3 นโยบายของรัฐบาล ที่ไม่ต้องกับข้อเท็จจริงเพียงแค่ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ทั้งค่าแรงขั้นต่ำที่ไม่ได้ 400 บาททั่วประเทศตามที่ได้หาเสียง แต่กลับขึ้นเพียง 4 จังหวัดและ 1 อำเภอ, นโยบายค่าไฟ ที่นายกรัฐมนตรีปล่อยปละเลย และไม่ให้ กกพ.มีมติใด ๆ ออกมาต่อสัญญารับซื้อไฟฟ้า จนเกิดการกีดกันทางการค้า และซ้ำซ้อนในนโยบาย ทั้งที่นายกรัฐมนตรี ต้องการให้ทุกภาคส่วนมาดูแลค่าไฟที่กระทบประชาชน รวมถึงร่างพระราชบัญญัติการจัดระเบียบกลาโหม ที่พรรคเพื่อไทยกลับท่าที และถอนร่างกฎหมายไป จึงเป็น 3 ตัวอย่างที่ยกตัวอย่างขึ้นมาในรอบ 1 เดือนที่สะท้อนให้เห็นว่า การกระทำของรัฐบาล ไม่ได้สอดรับกับคำพูดที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน หากจะอ้างเป็นรัฐบาลผสมนั้น ทั้ง 3 คำสัญญาดังกล่าว ก็เป็นคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับประชาชน หลังมีรัฐบาลผสมแล้ว ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงที่มีการเลือกตั้ง แต่เป็นคำพูดหลังตั้งรัฐบาลผสม จึงสะท้อนว่า รัฐบาลไม่สามารถผลักดัน 3 นโยบายนี้ได้
นายพริษฐ์ ยังเห็นว่า ในช่วงเวลา 1 ปี 3 เดือนของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถผลักดันนโยบายหลายอย่างได้สำเร็จ ตามที่ได้พูดไว้ แต่ยืนยันว่า พรรคประชาชน ไม่ได้ติดในกับการปราศรัยของนายทักษิณ เพราะทุกคนมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาชน
ส่วนพรรคประชาชน จะมีการปรับกลยุทธ หรือวางแผนในการหาเสียงเลือกตั้ง อบจ.ใด ๆ เพิ่มเติมหรือไม่นั้น หลังมีการถอดสถิติทั้งผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรค หรือผู้สมัครที่ใช้สัญลักษณ์คล้ายของพรรค แต่กลับแพ้การเลือกตั้งทั้งหมดนั้น นายพริษฐ์ ยอมรับว่า ทุกสนามการเลือกตั้ง ถือเป็นประสบการณ์สำคัญ ที่พรรคต้องถอดบทเรียน และนำมาปรับปรุงการทำงานแม้จะไม่ชนะ แต่หากพิจารณาจากผลคะแนนที่พรรคได้รับ หลายพื้นที่พรรคก็ได้คะแนนมากยิ่งขึ้น แม้จะไม่ประสบชัยชนะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้พรรคฯ หมดกำลังใจ และยังคงพยายามขับเคลื่อนไปข้างหน้าในจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงจะต้องถอดบทเรียนอย่างจริงจังว่า พรรคฯ จะสามารถทำให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้พรรคฯ เป็นที่ไว้วางใจของประชาชนในการเลือกตั้งท้องถิ่น พร้อมยังยืนยันว่า พรรคประชาชน ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น และจะนำมาใช้ในการปรับปรุงการทำงานต่อไป
นายพริษฐ์ ยังเชิญชวนประชาชน ออกไปใช้สิทธิการเลือกตั้ง นายก อบจ.ในหลายจังหวัด ที่จะเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ทั้งที่ตนพยายามโน้มน้าวแล้ว จึงขอให้พูดคุยกันในครอบครัว และเตรียมกลับไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ. เพราะยิ่งการแข่งขันเข้มข้นในนโยบาย และประชาชนออกไปใช้สิทธิมากเท่านั้น ก็จะทำให้ประชาชน ได้รับผู้บริหารท้องถิ่น ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่มากขึ้น