"พิธา" แนะ "นายก" ตอบกระทู้สดวันแถลงผลงาน 100 วัน

หลัง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมคณะ เดินทางมาที่ อ.สำโรง จ.อุบลราชธานี เพื่อช่วย นายสิทธิพล เลาหะวนิช ผู้สมัครนายก อบจ.อุบลราชธานี พรรคประชาชน (ปชน.) หาเสียงตั้งแต่เมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.67)

 

 

8 ธันวาคม 2567 ล่าสุด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ กรณีที่รัฐบาลเตรียมแถลงผลงานครบรอบ 100 วัน ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ว่า ในวันแถลงก็เป็นวันเปิดประชุมสภาฯ พอดี จึงอยากฝากพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านฯ ว่าทำไมไม่ลองตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีในวันนั้น

 

 

 

 

โดยเฉพาะประเด็นสำคัญเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น MOU 44 พื้นที่ทับซ้อน, กองกำลังว้าแดง และ VAT 15% เพราะถือเป็นการทำงานในระบบรัฐสภา นายกรัฐมนตรีก็มาตอบเองได้ จะได้ประหยัดค่าแถลงไปด้วย โดยใช้พื้นที่สภาไปเลย 

ซึ่ง "พรรคประชาชน" นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านฯ ก็น่าจะได้ตั้งกระทู้ถาม เพราะแทนที่จะแถลงคนเดียว ไม่ได้มีโอกาสซักถาม จะได้ถาม เป็นการใช้พื้นที่สภาด้วย

 

ขอฝากไปยังผู้นำฝ่ายค้านฯ และนายกรัฐมนตรี ว่า วันที่ 12 ธ.ค. สภาเปิดแล้ว ผมก็อาจจะเข้าไป เพราะเป็นที่ปรึกษา แบบไม่รับค่าตอบแทน ของกรรมาธิการ อยู่ 2-3 คณะ ก็จะได้ไปรับฟัง 

 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าผลงานของรัฐบาลจุดใดที่ยังเป็นข้อด้อย และยังต้องปรับปรุงอยู่ 

 

นายพิธา กล่าวว่า 3 เดือนที่ผ่านมากับ 3 เดือนที่เราจะเจอ ก็ไม่เหมือนกัน ฤดูฝนกับฤดูฝุ่น พอเป็นฤดูฝน เหนือจรดใต้น้ำก็ท่วม พอท่วมแล้วต้องเข้าใจว่าไม่ได้กระทบแค่สิ่งแวดล้อม แต่กระทบด้านเศรษฐกิจด้วย

 

พอน้ำลดความเดือดร้อนก็ไม่ได้ลดตามไปด้วย ซึ่ง 3 เดือนข้างหน้าก็เป็นฤดูฝุ่น เราอยากให้คนมาท่องเที่ยวก็ท่องเที่ยวไม่ได้ มะเร็งปอดก็มากขึ้น เป็นฤดูฝน ฤดูฝุ่น ที่ดับฝันประชาชน เรื่องนี้รัฐบาลเท่านั้นที่แก้ปัญหาได้ ฝ่ายนิติบัญญัติก็คงแก้กฎหมาย

ให้รัฐบาลมีฐานอำนาจในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ไม่เช่นนั้นก็จะเจอปัญหาซ้ำซาก 4-5 ปี ก็คุยกันเรื่องเดิม เมื่อถามว่านโยบายเรือธงของรัฐบาลก็ยังไม่สำเร็จจะต้องเดินหน้าอย่างไร 

 

นายพิธา กล่าวว่า เรื่อง OCA คาสิโน แลนด์บริดจ์ ก็ไม่ได้มีในการหาเสียง หรือให้ประชาชนได้รับทราบก่อน แต่บางเรื่อง เช่น การขึ้นค่าแรง, ปฏิรูปกองทัพ, การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงเงินดิจิทัลวอลเล็ต

 

โดยเท่าที่ตามข่าวก็ทราบว่ายังไม่ถึงมือประชาชน กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุผู้พิการ เนื่องจากยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ แค่การแจกเงินก็ยังมีปัญหา ที่หาเสียงไว้ก็ไม่ได้ทำ ที่ทำก็ไม่ได้หาเสียง มันหมายความว่าอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าผู้นำฝ่ายค้านฯ ถามเรื่องนี้ได้ดี

น่าจะเป็นเรื่องที่บกพร่อง และน่าจะต้องปรับปรุง ตนเองไม่ได้ติ เพื่อทำร้ายทางการเมือง แต่ติเพื่อก่อ เตือนสติในฐานะที่เป็นพลเมืองคนหนึ่ง

 

เป็นอดีตคู่แข่งเคยสัญญาอะไรไว้กับประชาชน ก็ควรจะไปเร่งทำเรื่องพวกนั้น รวมถึง เรื่องความท้าทายใหม่ๆ เรื่องที่มีการพูดคุยก็ไม่ได้ทำ ซึ่งเป็นเรื่องความบกพร่องของการจัดลำดับความสำคัญ อยากให้เรียงลำดับใหม่เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง 

ไม่กังวลแม้ถูกปรามาสพรรคส้มไม่เคยชนะในสนาม นายกอบจ. แต่ใช้เป็นแรงผลักดันให้ขยันทำงานมากขึ้น มีหลายอำเภอที่เป็นจุดแข็งและฐานที่มั่นของพรรค

นายพิธา เผยถึงกรณีการลงพื้นที่อุบลราชธานี 2 วัน ว่า หลังจากนี้คิดว่าต้องทำงานอย่างหนักพบปะประชาชน และอยากให้พี่น้องฟังนโยบายฟังตัวตนของแต่ละคน อยากให้ลองเปิดใจ ทางฝั่งของพรรคประชาชน

 

ซึ่งว่าที่นายกน้อย เป็นนายกของคนตัวเล็กตัวน้อย ส่วน สอบจ.ที่มาช่วยก็เป็นพ่อค้า แม่ขาย ไม่จำเป็นต้องเป็นนายทุน ถ้าอยากได้คนที่เข้าใจคนตัวเล็กจะน้อยก็ต้องเป็นว่าที่นายกน้อยหมายเลข 2 จากพรรคประชาชน 

 

ส่วนข้อกังวลที่ว่าจะมีประชาชนมาใช้สิทธิ์น้อยก็รู้สึกเห็นใจประชาชนที่ทำงานอยู่ กทม. หรือที่ไม่อยู่ในพื้นที่อุบลราชธานี ภายใน 4-5 สัปดาห์จะต้องเดินทางกลับบ้านถึง 3 ครั้ง

 

ในครั้งแรกก็คือการเลือกตั้งนายก อบจ. ในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ ครั้งที่ 2 ก็จะเป็นวันหยุดปีใหม่และครั้งที่ 3 ก็จะเป็นการเลือกตั้ง สอบจ. ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเลขา กกต.ก็มีการได้พูดถึง ประชาชนค่อนข้างรู้สึกเบื่อการลาออกของนายกอบจ. และมาลงเลือกตั้งใหม่ และขอกลับมาทำงานใหม่ เป็นเรื่องที่ประชาชนยังต้องตั้งคำถามในเรื่องของงบประมาณ 

 

เรื่องของการเดินทางมากลับบ้านหลายครั้งในไม่กี่สัปดาห์ ส่วนคนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ก็สามารถช่วยเราได้คือส่งเสียงมาถึงคนที่บ้านถ้าอยากได้นายกที่เข้าใจคนตัวเล็กตัวน้อยก็ต้องเลือกเบอร์ 2 จากพรรคประชาชน

 

ส่วนประเด็นที่มีการปรามาสว่าสนามนายกอบจ. ยังไม่เคยชนะในพื้นที่ไหนเลย คุณพิธามองว่า ไม่ได้กังวลอะไรแค่เปลี่ยนจากคำปรามาศให้เป็นแรงผลักดัน เพื่อให้ว่าที่นายกน้อยลงพื้นที่ได้อย่างครอบคลุม 

เพราะแต่ละสนามการแข่งขัน ก็ไม่เหมือนกัน อย่างจังหวัดอุบลราชธานีก็ถือว่าเป็นจังหวัดใหญ่อันดับ 5 ของประเทศ ประชากรอยู่อันดับ 3 ของประเทศ ก็ต้องขยันและลงพื้นที่ให้ครบ 25 อำเภอให้ได้ ซึ่ง 4-5 อำเภอที่ทางพรรค

 

ตนลงก็เลือกลงอำเภอที่เป็นจุดแข็งและเป็นฐานที่มั่นของพรรค จากการขึ้นเวทีทั้ง 5 เวทีก็รวมเสียงประมาณ 6 แสนคนแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำงานอย่างละเอียดและแม่นยำกว่าคนอื่น 

 

 

ส่วนที่มองว่าพรรคต้องใช้ตัวเองมาเรียกกระแส หรือเดอะแบก ของพรรคนั้น

 

นายพิธา มองว่า พรรคต่างหากที่แบกตน ต้องขอบคุณทีมสมาชิก อบจ.มากกว่าที่คอยเตรียมข้อมูลเพื่อให้ตนเองหาเสียง ส่วนตัวของสมาชิก อบจ. เองก็มีการหาเสียงอยู่

 

ตนจะลงมาเฉพาะเสาร์อาทิตย์เพื่อ ให้เกิดการตื่นตัวว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ ก็จะพยามช่วยให้เต็มที่ในฐานะพลเมือง