กองกำลังกบฏซีเรียภายใต้การนำของกลุ่มฮายาต ทาห์รี อัล-ชาม หรือ เอชทีเอส ออกแถลงการณ์ในวันอาทิตย์ (8 ธันวาคม) ว่า “ภายหลัง 50 ปี ของการกดขี่ภายใต้การปกครองของพรรคบาธ และ 13 ปี ของการก่ออาชญกรรม, การปกครองแบบเผด็จการ และการพลัดถิ่นฐาน และหลังจากการต่อสู้ยาวนานที่เผชิญหน้ากับกองกำลังผู้ยึดครอง เราประกาศให้วันนี้ 8 ธันวาคม 2567 เป็นวันสิ้นสุดของยุคมืด และการเริ่มต้นศักราชใหม่ของซีเรีย
กบฏยังให้คำมั่นว่า ภายใต้ซีเรียยุคใหม่ ประชาชนจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความยุติธรรมอยู่เหนือสิ่งอื่นใด และเกียรติศักดิ์ศรีของชาวซีเรียทุกคนจะได้รับการคุ้มครอง
การประกาศชัยชนะมีขึ้นหลังจากฝ่ายกบฏสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ในกรุงดามัสกัส เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเพิ่งยึดเมืองฮอมส์ เมืองใหญ่อันดับ 3 ได้สำเร็จโดยใช้เวลาแค่เพียงวันเดียว และแถลงการณ์ระบุด้วยว่า ประธานาธิบดีทรราชหนีไปแล้ว และ”ดามัสกัสปราศจากทรราช บาชาร์ อัล-อัสซาด”
แหล่งข่าวในกองทัพเผยกับสื่อต่างชาติว่า ประธานาธิบดีอัสซาดขึ้นเครื่องบินออกจากดามัสกัสไปยังสถานที่ที่ไม่มีการเปิดเผยแล้วในวันอาทิตย์
ขณะที่ประชาชนทั้งที่อยู่ในรถยนต์และเดินเท้ารวมตัวกันที่จัตุรัสใจกลางกรุงดามัสกัสแสดงความยินดี และตะโกนคำว่า “เสรีภาพ” ในวันอาทิตย์ และมีภาพการโค่นทำลายรูปปั้นของประธานาธิบดีฮาเฟซ อัล-อัสซาด บิดาของผู้นำคนปัจจุบันในดามัสกัสเมื่อวันเสาร์
สงครามกลางเมืองในซีเรียเริ่มขึ้นในปี 2554 จากการลุกฮือต่อต้านการปกครองของประธานาธิบดีอัสซาด โดยกองกำลังกบฏหลายกลุ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายแสนราย และอีกหลายล้านคนต้องอพยพไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และรัฐบาลของอัสซาดได้รับความช่วยเหลือจากอิหร่านและรัสเซีย ทำให้สามารถชิงพื้นที่ส่วนใหญ่และเมืองใหญ่ทั้งหมดกลับคืนมาได้
แต่กองกำลังกบฏภายใต้การนำของเอชทีเอสฉวยจังหวะที่รัสเซียและอิหร่านกำลังรับมือกับสงครามในยูเครนและตะวันออกกลาง เริ่มปฏิบัติการโจมตีแบบสายฟ้าแลบช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน และสามารถยึดเมืองอเลปโป เมืองใหญ่อันดับ 2 ในวันที่ 30 พฤศจิกายน และยึดเมืองฮามา เมืองใหญ่อันดับ 4 ในวันที่ 5 ธันวาคม ก่อนเข้ายึดเมืองฮอมส์และดามัสกัสได้สำเร็จ