4 ธันวาคม 2567 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ รับยื่นหนังสือ จากประชาชน จ.พังงา กรณีเรือประมงไทย โดนเรือรบทหารเมียนมายิง
โดยตัวแทนชาวประมงที่อยู่ในเหตุการณ์ และได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ตนรู้สึกว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ การยิงเตือนควรจะยิงขึ้นฟ้า หรือลงน้ำ ไม่ใช่ยิงใส่เรือโดยตรง ชาวประมงออกเรือไปหาปลา ไม่ใช่ไปรบกับใคร จึงอยากให้ กมธ.มั่นคงฯ ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว
ด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้มี 2 ประเด็น คือการล้ำเขตแดน และการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ต้องไปพิสูจน์กันอีกที แต่เรื่องความเกินกว่าเหตุเป็นเรื่องที่ใหญ่ ไม่น่าจะร้ายแรงถึงขนาดที่จะมีการยิงกันแบบนี้ หากเรือประมงเป็นของไทย เป็นเรือโจรสลัดก็เป็นอีกอย่าง ต้องยอมรับว่า การยิงเข้าไปที่ตัวเรือ โอกาสที่จะมีผู้เสียชีวิต เล็งเห็นได้อยู่แล้ว ดังนั้นการใช้ความรุนแรงในระดับนี้ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้
“เราคาดหวังกับทางภาครัฐว่า จะเข้าไปดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแสดงท่าทีไปยังรัฐบาลเมียนมา เท่าที่ตามข่าวเราก็จะมีความรู้สึกว่า ท่าทีของรัฐบาลไทยดูเบาไป เมื่อเทียบกับความร้ายแรงที่เกิดขึ้น”
ทั้งนี้ กมธ.มั่นคง มองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต ดังนั้นในวันที่ 13 ธ.ค. 67 ตนจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิสภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ , ผู้บัญชาการทหารสูงสุด , ผู้บัญชาการทหารเรือ , กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ , ทัพเรือภาคที่ 3 , ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เพื่อที่จะพิจารณาเรื่องนี้ ทาง กมธ. หวังว่าจะได้ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ รวมไปถึงได้รับรับทราบแนวทางอย่างเป็นทางการของรัฐบาลว่าจะดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร
เมื่อถามว่า ตัวประกัน 4 คนไทย ยังถูกจับกุมอยู่ รัฐบาลควรดำเนินการอย่างไรท่ามกลางสถานการณ์ที่อ่อนไหว นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเห็นใจต่อผู้ที่สูญเสีย และตัวประกันควรได้รับการกลับสู่มาตุภูมิอย่างเร็วที่สุด ช่วงเวลาที่ผ่านมาเรารับทราบตลอดว่า รัฐบาลไทยกับรัฐบาลเมียนมามีความใกล้ชิดกันมาก ก็ควรใช้ความใกล้ชิดนั้นในการให้ปล่อยตัวประกันทั้ง 4 คนกลับสู่มาตุภูมิ ส่วนของเรื่องการแสดงท่าที ก็ต้องต้องหาความเหมาะสม เพื่อให้ทางเมียนมาได้รับรู้ว่ามันคือเรื่องที่ร้ายแรง และเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
“แน่นอนว่าเราไม่สามารถที่จะแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ แต่การป้องกัน และการแสดงท่าทีของประเทศไทยมีความสำคัญอย่างมาก เราเป็นรัฐเอกราช เราก็คงไม่ได้อยากจะทำแบบเดียวกัน หากมีบางประเทศอาจจะมารุกล้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหรือดิน เราคงไม่ใช่จะเริ่มต้นการยิงเลย”
เมื่อถามว่า รมว.กลาโหม ระบุว่ามีคณะกรรมการเจรจา และได้ทำหนังสือท้วงไปแล้ว เพียงพอหรือไม่ หรือต้องมีกรรมการพิเศษ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงต้องดูว่าสุดท้ายพอหรือไม่ แต่ท่าทีของรัฐบาลไทยเบาไปหน่อย พอมันเบาไป ไม่มีกระแสสังคม ตนไม่มั่นใจว่าจะทำหนังสือไปหรือไม่ คงต้องสอบถามรัฐบาล ยืนยันว่าเรานิ่งนอนใจไม่ได้ เราต้องทำให้รัฐบาลทหารเมียนมาเข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรง