สถานการณ์อุทกภัย ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในพื้นที่ภาคใต้ ดูจะหนักหน่วงไม่แพ้ อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย ในช่วงที่ผ่านมา เพราะอุทกภัย จากเหนือ และใต้ ไหลบ่าเข้าใส่รัฐบาลแพทองธาร ต่อการถูกทวงถามแนวทางจัดการแก้ปัญหา
อย่างพื้นที่ภาคเหนือ กว่าที่ "นายกฯแพทองธาร" ตั้งหลักได้ ก็ทอดเวลามาพอสมควร จึงตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ (ศปช.) ซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอของเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน นักวิชาการ ที่ลงพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือก่อนที่รัฐบาลแพทองธาร จะลงพื้นที่ และทำการประชุม ศปช. จัดงบเยียวยา
ครั้นเกิดสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ภาคใต้ กับ คำกล่าวของท่านนายกฯถูกแพร่กระจายเป็นไวรัลตามสื่อโซเชียล กลายเป็น "โอษฐภัย" ซ้ำเติม สถานการณ์น้ำท่วมให้ดูแย่ลงมากกว่าการคิดหาคำที่สร้างเสริมกำลังใจชาวใต้
"คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีก็คนใต้ ถ้าละเลยคนใต้หรือไม่รักคนใต้ แต่งงานกับคนใต้ไม่ได้นะคะ"
หมายเหตุ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
วรรคทองข้างต้น สะท้อนถึงวิธีคิดของนายกฯ ไม่ได้ตอบโจทย์ การแก้ปัญหาซับน้ำตาพี่น้องชาวใต้
คำกล่าวของ "แพทองธาร" ยังเป็นโอษฐภัย กวักมือเรียกแขกจากทุกทิศทาง ปลุกสติท่านนายกฯ ว่าสิ่งที่พูดไปนั้น ว่าท่านมีความคิดความอ่านสื่อสารต่อพี่น้องประชาชนในยามทุกข์ยากถูกต้องหรือไม่
ดังจะเห็น ได้จาก แฟนคลับต่างค่าย ออกมาให้ความคิดเห็นเริ่มจาก "ภคมน หนุนอนันต์" สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคประชาชน
"เชื่อว่าประชาชนในประเทศไทยทุกคนเห็นความน่ารักและความอบอุ่นของครอบครัวท่านนายกฯอยู่แล้ว เพราะแพร่กระจายไปทุกช่องทางแต่เรื่องราวเหล่านี้เก็บไว้ในบ้านท่าน เถอะค่ะ ประชาชนไม่ได้คาดหวังจะเห็นสิ่งเหล่านี้เท่ากับการทำหน้าที่ ต่อสาธารณะ อย่างมืออาชีพเสียที"
หมายเหตุ - "ภคมน หนุนอนันต์" สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคประชาชน
เช่นเดียวกับ "อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล" อดีต สส. พรรคก้าวไกล บอกว่า "คำตอบไม่เคยเกินชายคาบ้าน เฉิ่มทุกครั้งที่อ้าปาก แนวคิดที่เอาตัวเองเป็นแกนกลางของจักรวาล โลกทั้งใบหมุนรอบตัวฉัน"
หรือแม้แต่ "วันชัย สอนศิริ" อดีตสว. และ ทนายความขมองอิ่ม ถึงกับโพสต์ แนะนำ "นายกฯแพทองธาร" ว่าถึงเวลาหรือยังที่จะคิดได้ และควรจัดการ วางตัวอย่างไร ต่อสถานการณ์วิกฤตของบ้านเมือง หากไม่มีการปรับปรุง จะส่งผลร้ายต่อนายกฯ ในไม่ช้า
" อดีตสว.วันชัย" ให้ความเห็นว่า "คุณแพทองธาร จะต้องให้ทีมงานที่ปรึกษารีบแก้ไขโดยด่วน โดยเฉพาะบุคลิกของนายกรัฐมนตรี ที่มีประชาชนชอบ และให้การสนับสนุนเริ่มไม่สบายใจ ทั้งการแต่งเนื้อแต่งตัว เสื้อผ้า หน้าผม รองเท้า ที่ควรจะพิถีพิถันให้เหมาะสม, ท่าทีการให้สัมภาษณ์ ที่ควรแสดงออกถึงความรู้ความสามารถ และการเตรียมตัว ที่ไม่บ่งบอกถึงความไม่พร้อม ไม่มีการเตรียมตัว มือไม้หน้าตาเลิ่กลั่ก ตื่นเต้น ประหม่า ที่ผู้ที่เป็นผู้นำไม่ควรจะเป็นเช่นนี้ รวมถึงเรื่องครอบครัว ทั้งสามี และบุตร ที่เรื่องครอบครัว ก็ควรเป็นเรื่องของครอบครัว เช่นสมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี ภริยาและลูก ๆ จะปรากฏตัวน้อยมาก แต่นางสาวแพทองธาร กลับพาสามี และลูกออกงานหลายครั้ง หลายโอกาส จนเป็นที่วิจารณ์"
คำแนะนำจากแฟนคลับ รวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวทางการเมือง ส่งถึง "นายกแพทองธาร" ครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ บรรดาแฟนคลับหลากค่ายต่างติดตามสอดส่อง พฤติการณ์ "นายกแพทองธาร" ตั้งแต่เริ่มเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินแล้ว เพียงแต่รอบนี้ดูจะเป็นเสียงเตือนที่ถาโถมโหมเข้ามาเป็นพายุใส่"แพทองธาร" ที่จะยืนหยัดท้าทายลมแรงได้หรือไม่
นับตั้งแต่ "แพทองธาร" เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกฯ มักจะถูกจับจ้องในเรื่องการวางตัว การขาดคนชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง
คอการเมืองวิเคราะห์ว่า โดยข้อเท็จจริงแล้ว"นายกฯแพทองธาร" มีที่ปรึกษาให้คำแนะนำแต่นายกฯ เหมือนจะมีลักษณะนิสัยเชื่อมั่นในตัวเองสูงเกินไปหรือไม่
ไม่ว่าจะเป็นการพบปะหารือทวิภาคีกับผู้นำต่างชาติ ด้วยการก้มหน้าอ่านไอแพด โดยที่"นายกฯแพทองธาร" ชี้แจงต่อสื่อในเวลาต่อมาว่า สาเหตุที่ก้มหน้าก้มตาอ่านไอแพดเพื่อป้องกันความผิดพลาดเกี่ยวกับศัพท์เฉพาะ และ ใครๆก็ทำ
หรือ กรณี การแต่งกาย ในกิจการงานราชการ ต่างประเทศ กับ ชุดที่สบายๆ ชิวชิว หรือ การได้นำครอบครัว มารับ มาส่ง ที่ทำเนียบรัฐบาล ชนิดที่ ผู้นำประเทศในอดีต หรือแม้แต่ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯผู้พ่อ ไม่บ่อยนักจะให้บุคคลในครอบครัวมาพบที่ทำเนียบฯ หรือไม่ก็ให้เข้าประตูด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้าชนิดที่สื่อแทบไม่ค่อยจับภาพได้ทัน แตกต่างกับ "นายกฯแพทองธาร" ถึงขนาดให้สามีพาลูกเล็ก จับมือแกว่งแขน เดินเล่นกันกลางสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า
ฉะนั้น ต้องกลับมาขบคิดกันต่อว่า แท้ที่จริงแล้ว เป็นเพราะตัวตน "แพทองธาร" เป็นแบบนี้นี่เอง ต้องการบริหารราชการแผ่นดิน แบบชิวชิวสบายๆ
-หรือ เป็นเพราะขาดทีมงานประจำตัวคอยให้คำปรึกษา
-หรือ มีทีมงานประจำตัวให้คำปรึกษาแล้ว แต่นายกฯเชื่อมั่นตัวเองสูง ว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง- ดีแล้ว- สมควรแล้ว
แม้พฤติการณ์ "นายกฯแพทองธาร" ไม่ได้มีผลให้รัฐบาลล่มสลาย เนื่องจาก การนำเสนอภาพลักษณ์ตนเองออกมาแบบนี้ ไม่ได้ชี้ว่ากระทำการทุจริตแต่อย่างใด
แต่พฤติการณ์ลักษณะนี้ เป็นการเปิดช่องโหว่ให้ฝ่ายตรงข้าม จ้องจับผิด นำมาวิพากษ์วิจารณ์ เซาะกร่อน บ่อนทำลาย ภาพลักษณ์ผู้นำสตรีวัย 38 ไปเรื่อยๆ ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นลุกลามการนำพาพรรคตนเองระยะยาวอีกด้วย หากยังบริหารบ้านเมืองช่วงสามปีที่เหลือเพื่อเลือกตั้งเข้ามาใหม่ในปี 2570
ทำนองกลับกัน หากพิจารณาปิดจุดอ่อนตรงนี้อย่างทันท่วงทีน่าจะเกิดผลลัพธ์ในทิศทางที่ดีกว่าที่กล่าวข้างต้น หรือไม่
เหมือนสำนวนโบราณกล่าวไว้ "แม้แต่เสียงจิ้งจกทัก เขาก็ยังระมัดระวัง"