นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการบริหารสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และชายแดนใต้ของรัฐบาลว่า ในตอนนี้การบริหารสถานการณ์ ถือว่ามีความสำคัญ เพราะมีการคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนใน 2-3 วันนี้ ที่อาจมีฝนกลับมาตกหนักอีกครั้ง แต่ปัจจุบันนี้ หลายพื้นที่ปริมาณฝนลดลง ถนนเส้นทางสัญจรหลายพื้นที่เริ่มเปิด จึงจำเป็นจะต้องเร่งส่งทรัพยากร และอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งเรือ เสื้อชูชีพ และข้าวสารอาหารแห้งเข้าไปยังชุมชน เพราะตอนที่ตนไปลงพื้นที่ ยังพบผู้ประสบภัยที่สูงอายุ เป็นผู้ป่วยติดเตียงต้องใช้เครื่องพยุงชีพ ได้รับผลกระทบสูง ถูกตัดไฟฟ้า ดังนั้น จึงแนะนำว่า จำเป็นจะต้องเร่งช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางโดยเร็วที่สุด โดยใช้ข้อมูลที่มีให้เป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการ
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีเตรียมลงพื้นที่ในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ จะช้าไปหรือไม่นั้น ผู้นำฝ่ายค้านฯ เข้าใจว่า นายกรัฐมนตรี มีภารกิจ พร้อมเห็นว่า สิ่งสำคัญกว่าการลงพื้นที่นั้น คือการสั่งงานอย่างเป็นระบบ โดยที่นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเดินทางไปในทุกที่ และให้ตัวแทนเข้าไปบริหารจัดการสถานการณ์ในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังแนะนำรัฐบาลว่า จากข้อมูลเพิ่มเติม ที่ตนได้รับรายงานมานั้น ในอีกไม่กี่วันนี้ จะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่น้ำทะเลจะนูนสูงด้วย จึงเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้น้ำไม่สามารถระบายลงสู่ทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอให้รัฐบาลได้ใช้จังหวะช่วงเวลา ในการส่งอุปกรณ์ เครื่องมือ ความช่วยเหลือต่าง ๆ เข้าพื้นที่ ไม่ทำให้เกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนในช่วงที่สถานการณ์เลวร้ายอีก เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบโดยขาดความช่วยเหลือ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายณัฐพงษ์ ได้ลงพื้นที่อำเภอจะนะ-หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อสำรวจความเสียหายจากพื้นที่น้ำท่วม โดยระบุว่า ได้เห็นการทำงานอย่างแข็งขันของเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร และได้รับฟังปัญหาจากหน่วยงานราชการและประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การสนับสนุนการทำงานของราชการ ท้องถิ่น และประชาชนต่อไป จึงขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครหน้างานทุกท่านที่กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน พร้อมยังระบุว่า จากภาวะอุทกภัยครั้งนี้ มีความรุนแรงและส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้ในพื้นที่ประสบภัยขาดแคลนทั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นในการช่วยเหลือประชาชน เช่น เรือ เสื้อชูชีพ และขาดแคลนกำลังคนด้วย และยังมีพี่น้องประชาชนบางส่วนยังไม่ทราบจุดอพยพ และไม่ทราบเส้นทางการอพยพ รวมถึงพาหนะในการอพยพที่ปลอดภัย และแนะนำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ หรือระดับน้ำอย่างใกล้ชิด และสำหรับพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ผมขอแนะนำให้เร่งย้ายไปอยู่ที่ปลอดภัยหรือที่ศูนย์อพยพแต่ละอำเภอที่หน่วยงานรัฐและเอกชนจัดเตรียมให้ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิตของพี่น้องประชาชน
นายณัฐพงษ์ ยังระบุว่า ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ถือเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากพื้นที่หนึ่งในประเทศไทยในระยะยาวต้องมีการที่จะต้องมีการศึกษาและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เช่น การพัฒนาแบบจำลองคาดการณ์น้ำท่วม เพื่อสามารถระบุพื้นที่และระยะเวลาน้ำท่วมให้มีความชัดเจน ทำให้สามารถแจ้งเตือนที่เร็วและแม่นยำมากขึ้น, การเตรียมพร้อมให้พื้นที่มีอุปกรณ์ที่เพียงพอในการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ไปศูนย์อพยพ รวมถึงเตรียมพื้นที่อพยพให้เหมาะสมต่อการรองรับผู้ป่วยติดเตียง ผู้หญิง และเด็กให้มากขึ้น, และในระหว่างน้ำท่วม จำเป็นต้องพัฒนาระบบการประเมินสถานการณ์ที่แม่นยำ และการเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ และเมื่อน้ำลดลง แต่ปัญหาของพี่น้องของประชาชนไม่ได้ลดลงตามไปด้วย โดยเฉพาะปัญหาในการประกอบอาชีพ การซ่อมแซมบ้านเรือน และปัญหาภาระทางการเงิน เพราะฉะนั้น ต้องมีกระบวนการฟื้นฟูเยียวยาให้กลับมาสู่สภาพปกติให้เร็วที่สุด
นายณัฐพงษ์ ยังระบุว่า พรรคประชาชน คณะทำงานพรรคประชาชน จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา (หาดใหญ่) ได้เปิดพื้นที่ศูนย์ประสานงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชน สำหรับกรณีให้ผู้ประสบภัยพักพิงชั่วคราว, ให้อาสาสมัครกู้ภัย แวะพักผ่อนระหว่างการเดินทางครับ พร้อมยังขออภัยพี่น้องประชาชนที่ไม่สามารถเดินทางไปพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ด้วยตนเอง เนื่องจากเกิดน้ำท่วมสูงทำให้เส้นทางสัญจรไม่สามารถเดินทางได้ครับ อย่างไรก็ดี คณะทำงานจังหวัดพรรคประชาชนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนต่อไปอย่างแข็งขัน