นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ชี้แจงถึงกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาตั้งคำถามถึงตน ว่าสั่งให้ กองทัพเรือ เปลี่ยนการฝึกใกล้เกาะกูด จ.ตราด หรือไม่ โดยบอกว่า ได้รับรายงานเรื่องนี้ว่ามีการไปฝึกซ้อม ซึ่งความจริงแล้วเป็นการฝึกซ้อมเล็กๆ ไม่ได้เป็นการฝึกซ้อมใหญ่ และก็เป็นไปตามวงรอบ
“นายสนธิ ออกมาพูดเกินไปว่าผมไปสั่งการให้ย้ายที่การฝึก ขอยืนยันว่าไม่มีอะไร และสามารถสอบถามผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ เพราะกองทัพเรือดำเนินการตามกระบวนการ และการฝึกไม่ได้เจาะจงอยู่ในเฉพาะพื้นที่ใด แต่มีการเลื่อนพื้นที่ไปทางใต้บ้าง และเป็นไปตามแผนงานประจำปีของแต่ละเหล่าทัพ แล้วที่ตั้งข้อสังเกตว่าผมเป็นคนสั่งการนั้น ขอถามนายสนธิว่าไปเอาข้อมูลมาจากไหน เพราะไม่มีการกล่าวแบบนี้ และเมื่อวานที่ได้พบกับผู้บัญชาการทหารเรือ ท่านก็ยืนยันว่าไม่ได้พูดตามที่นายสนธิกล่าวอ้าง แล้วจะกลายเป็นว่าผมไปสั่งได้อย่างไร ซึ่งผู้บัญชาการทหารเรือ ยืนยันว่า รับผิดชอบเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาสั่งในเรื่องแบบนี้“
ส่วนที่มีการปรับรูปแบบการฝึก ให้ไปลาดตระเวนแท่นขุดเจาะน้ำมันอ่าวไทยแทน นั้น นายภูมิธรรม ย้ำว่า กองทัพเรือได้ทำตามแผนอยู่แล้ว และเป็นไปตามวงรอบการฝึก ไม่สามารถบิดเบือนได้ ซึ่งการลาดตระเวนก็มีหลายสาเหตุ อาจเป็นการดูพื้นที่บ้างหรือลาดตระเวนตามชายฝั่ง ตามแผนที่ที่กองทัพเรือวางไว้ ดังนั้นอย่าไปพูดเรื่องนี้จนกลายเป็นประเด็นอีก เนื่องจากการดำเนินการ เกี่ยวกับเกาะกูด เป็นเรื่องอ่อนไหว และอาจมีผลเสียหายต่อประเทศ เหมือนการไปยุยงให้เกิดการต่อสู้กัน หรือใช้ความรุนแรงต่อกัน จึงเป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควร ทั้งนี้ขอให้ฟังตามข้อเท็จจริง และขออย่าใส่ใจกับข่าวลือ-ข่าวปล่อย มากนัก
ภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม
(เยี่ยมชมการจัดนิทรรศการด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ)
ส่วนการเปลี่ยนพื้นที่การฝึก เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดระหว่าง 2 ประเทศ ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า “มันไม่มีอะไรที่ต้องดำเนินการป้องกัน มีแต่ภายในของเราที่ชอบกระตุ้นกันเอง”
นายภูมิธรรม ยังบอกด้วยว่า การเรียก ผู้บัญชาการทหารเรือ เข้าหารือที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวานนี้ ไม่ได้มีการหารือเรื่องใดเป็นพิเศษ แต่เป็นการเข้ามารายงานตามวงรอบ และที่ผ่านมาก็คุยกับทุกเหล่าทัพ เพราะอยากจะทราบปัญหาในการทำงาน เพื่อให้เกิดความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น โดยถือว่าทุกเหล่าทัพมีความสำคัญ และมีความสัมพันธ์เป็นพี่เป็นน้อง และเป็นเพื่อนร่วมงานกัน มากกว่าจะคิดว่าเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา
“ผมคิดว่าความสัมพันธ์ที่ดีนั้น จะช่วยแก้ปัญหา ในหลายเรื่องได้ เพราะวันนี้มาถึงจุดที่ทุกคนต้องร่วมกันสร้าง และสร้างกองทัพให้เป็นกองทัพยุคใหม่ เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงและมีความท้าทาย
ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งแตกต่างไปจากเดิมมาก ดังนั้นสิ่งที่เราพูดคุยกัน หรือประชุมร่วมกัน ก็เพื่อหาแนวทางในการปรับตัวให้กองทัพรับความท้าทายใหม่ๆ และภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น แล้วนำมาแก้ไขจุดอ่อน เพราะอยากเห็นการแก้ปัญหา ตั้งแต่ต้น เพื่อจะได้หางบประมาณมาดำเนินการ เช่นการขุดลอกคูคลอง การสร้างกำแพงน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ท่วมซ้ำซาก เพราะผมมองว่าต้องทำมากกว่าการดูแลเรื่องน้ำท่วมน้ำแล้ง”
เมื่อถามว่า การที่นายสนธิ ประกาศลงถนน นายภูมิธรรม ในฐานะดูแลด้านความมั่นคง ย้ำว่า เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย อย่าให้ผิดกฎหมายก็แล้วกัน