นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ประจำภูมิภาคอเมริกา ทีนครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า การประชุมดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบาย และแนวทางด้านการต่างประเทศ ให้แก่บรรดาเอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ และทีมประเทศไทยประจำภูมิภาคอเมริกา ใน 2 ประเด็นสำคัญ คือ นโยบายที่จับต้องได้ และความร่วมมือแบบทวิภาคีและพหุภาคี รวมถึงยังได้เน้นย้ำเรื่องของยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ เนื่องจากในหลายภูมิภาคของอเมริกาให้ความสนใจในวัฒนธรรม และอารยธรรมของประเทศไทย ทั้งด้านอาหารไทย มวยไทย ภาพยนตร์ไทย และละครไทย ซึ่งเหล่านี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ประเทศไทยมีบทบาทนำในการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคอเมริกาได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรี ยังได้รับรายงานข้อมูลที่เกี่ยวกับศักยภาพต่าง ๆ ของประเทศไทย ที่มีสำนักงานอยู่ในทวีปอเมริกา เช่น ประเทศบราซิล ซึ่งอุปทูตสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงบราซิเลีย ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อนำไปสู่การกำหนดทิศทางนโยบายและยุทธศาสตร์ รวมทั้งความร่วมมือ ระหว่างประเทศไทย กับประเทศบราซิล ทั้งความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมกัน รวมไปถึงการพัฒนาในภาคการเกษตร เนื่องจากประเทศบราซิล เป็นประเทศที่มีศักยภาพในด้านนี้ ซึ่งไทยสามารถนำไปปรับใช้เพื่อกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ด้านการเกษตรกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอเมริกาได้ด้วย
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้ร่วมงานเลี้ยงต้อนรับรัฐมนตรีเอเปก และผู้เข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปก พร้อมยังได้มีโอกาสร่วมแสดงความยินดีกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศคนใหม่ของญี่ปุ่น โดยถือโอกาสหารือ และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นขึ้น โดยได้หารือเกี่ยวกับกรอบทวิภาคีร่วมกัน ทั้งเรื่องความร่วมมือการพัฒนาอุตสาหกรรม การพัฒนาการเกษตร ส่งเสริมการลงทุนการค้าระหว่างกัน เนื่องจากประเทศญี่ปุ่น ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยสูงมาก โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่มุ่งไปสู่การเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า พลังงานทดแทนเชื้อเพลิงต่าง ๆ และนอกจากความร่วมมือในกรอบของทวิภาคีแล้ว ไทยและญี่ปุ่น ยังได้หารือถึงความร่วมมือระหว่างกัน ในการขับเคลื่อนความร่วมมือที่จะนำไปสู่ระดับพหุภาคี เพื่อนำไปสู่กรอบความร่วมมือการประชุมอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง เนื่องด้วยประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงด้านองค์ความรู้ทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทุก ๆ ประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงความร่วมมือในขจัดยาเสพติด, การค้ามนุษย์ และออนไลน์สแกมเมอร์ ซึ่งเป็นปัญหาที่กระทบกับประเทศอื่น ๆ และในประเทศญี่ปุ่นด้วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น ยินดีให้ความร่วมมือ และมองเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้หารือร่วมกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งไทยจะเดินทางไปเยือนประเทศนิวซีแลนด์ ช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ เพื่อหารือถึงความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ที่สำคัญที่สุดคือ ความร่วมมือด้านการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมนม และโคเนื้อ รวมถึงเรื่องการศึกษาด้วย