นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความบนเฟสบุ๊กส่วนตัว หลังจากลงพื้นที่เกาะกูด จ.ตราดว่า การจุดประเด็นทางการเมืองเรื่อง MOU 44 ในช่วงนี้ ได้สร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยในหลายมิติ ทั้งการทำลายความเชื่อมั่นประเทศ ด้านการเจรจาระหว่างประเทศ และการท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะกูด จ.ตราด รวมทั้ง การบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยไม่จำเป็น
บันทึกความเข้าใจ MOU 44 คือบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ซึ่งได้มีการเจรจาต่อเนื่องมาทุกรัฐบาล "รวมถึงในสมัยที่พรรคพลังประชารัฐ" ผู้ที่เป็นหัวหน้าพรรคเคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และเป็นหัวหน้าคณะเจรจา
การนำประเด็นนี้มาเสนอที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยหวังผลประโยชน์ทางการเมืองเพียงอย่างเดียว เพื่อมุ่งทำลายรัฐบาล โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศ การที่จะมาประกาศตัวเองว่ารักชาติมากกว่าคนอื่น แต่กลับจุดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อล้มโต๊ะการเจรจาที่ดำเนินต่อเนื่องมาทุกรัฐบาล รวมทั้งกระบวนการเจรจาที่ตนเองเคยมีส่วนร่วม ถามว่าคุณรักชาติจริงหรือ
ทั้งนี้ การเจรจาระหว่างประเทศในประเด็นเขตแดน และผลประโยชน์ร่วม จำเป็นต้องอาศัยบรรยากาศที่เอื้ออำนวย ข้อมูลทางวิชาการ และความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างคู่เจรจา การสร้างความขัดแย้งหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง จึงเป็นการบ่อนทำลายกระบวนการเจรจาโดยตรง
ผมได้รับฟังข้อมูล และคำแนะนำจากผู้รู้จริง และนักวิชาการหลายท่าน เกี่ยวกับ MOU 44 ซึ่งมีคำแนะนำที่น่าสนใจสำหรับพรรคการเมือง หรือผู้ที่มีความเห็นต่างกับรัฐบาลว่า หากมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเจรจา ควรนำเสนอผ่านช่องทางที่เหมาะสม เช่น ส่งให้คณะกรรมการเจรจาโดยตรง ไม่ใช่สร้างความสับสนผ่านสื่อสาธารณะ
แต่ก่อนที่โต๊ะเจรจาระหว่างประเทศจะเกิดขึ้น วันนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นทันทีของการจุดประเด็นเรื่องนี้ คือ ความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวคนไทยที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวเกาะกูด ซึ่งจากรายงานข่าวของสื่อต่าง ๆ มีข้อมูลที่ตรงกันว่าช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2567 เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของเกาะกูดที่มีความคึกคักอย่างมาก แต่เมื่อมีกระแสข่าวดังกล่าว จะส่งผลให้นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยยกเลิกการจองห้องพัก เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัย
ผมขอให้ความมั่นใจว่า วันนี้เกาะกูด จ.ตราด ยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามและน่าประทับใจสำหรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน ด้วยหาดทรายและน้ำทะเลใสสีมรกต จนได้ชื่อว่าเป็น“อันดามันแห่งทะเลตะวันออก” นอกจากความงดงามของธรรมชาติแล้ว เกาะกูดยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เช่น น้ำตกคลองเจ้า ที่มีพระปรมาภิไธยของรัชกาลที่ 6 สลักไว้บนก้อนหิน เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ
แม้จะมีข่าวสารที่อาจทำให้บางท่านเกิดความกังวล แต่ผู้ประกอบการและชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งหน่วยงานของภาครัฐ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ ที่จะให้การท่องเที่ยวในเกาะกูดของทุกท่านมีความปลอดภัยและได้รับพลังบวกกลับไปอย่างแน่นอน
ผมขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการสร้างความสับสน และหันมาร่วมกัน สร้างความมั่นใจให้กับประเทศ และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่แทน
โดยยืนยันว่า เกาะกูดยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและปลอดภัยของประเทศไทย และมีความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวนี้ การสร้างความขัดแย้งจากข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงครั้งนี้ เป็นบทเรียนสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า การเมืองที่ขาดความรับผิดชอบ สามารถสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของชาติได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง
ผมคิดว่าสถานการณ์ของบ้านเมืองวันนี้ ทุกฝ่ายควรใช้เหตุผล และหันมาร่วมมือกันปกป้องผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ มากกว่าการมุ่งหวังผลประโยชน์ทางการเมืองเพียงอย่างเดียว