svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ปธ.กมธ.มั่นคง" เผยหลังถกปม “ทักษิณ" รักษาตัวชั้น14 พบพิรุธเคลือบแคลงสงสัย

"รังสิมันต์ โรม"ปธ.กมธ.มั่นคง เผยหลังถกปม “ทักษิณ" รักษาตัวชั้น14 พบพิรุธเคลือบแคลงสงสัย ใช้เวลา 21 นาที ส่งตัวรพ.ตำรวจ โยนกันไปมาใช้ดุลพินิจใครให้ไปรักษา จี้ ถามค่ารักษากว่า 1 ล้านบาทใครจ่าย ยันเดินหน้าแสวงหาข้อเท็จจริงต่อ

7 พฤศจิกายน 2567 ที่อาคารรัฐสภา "นายรังสิมันต์ โรม" สส. พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศของสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงผลการประชุมหลังเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กับการรักษาตัวของ "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ มาชี้แจง ว่า ในวันนี้พยายามแสวงหาข้อเท็จจริงให้มากที่สุด

โดยพยายามตั้งประเด็น 1.การพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 เป็นการดำเนินการโดยชอบหรือไม่ และ 2. การเข้าพักรักษาระยะยาวจนพ้นโทษการตัดสินใจของผู้ใด ถูกต้องทางการแพทย์และกฎหมายหรือไม่ และ3. สิ่งที่ตามมาคือการพ้นโทษจนถึงปัจจุบันมีปัญหาในเชิงความชอบด้วยกฏหมายอะไรบ้าง ที่มีการพิจารณา

"นายรังสิมันต์ โรม" สส. พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศของสภาผู้แทนราษฎร

พร้อมยอมรับว่า ในประเด็นที่  1 - 2 มีปัญหามากในการพิจารณา แต่ประเด็นหนึ่งที่ชี้แจงได้กรณีนายทักษิณป่วย มีอาการแน่นหน้าอกและที่สถานพยาบาล แต่ข้อมูลที่ได้รับมา คือ คนที่ประเมินสุขภาพของ"นายทักษิณ"เป็นเพียงพยาบาล โดย"นายทักษิณ"ไม่ได้ถูกนำตัวไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์เลย

ส่วนแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่ได้มีโอกาสพิจารณาตรวจวินิจฉัยสุขภาพของ"นายทักษิณ" จึงเป็นข้อเคลือบแคลงถึงกระบวนการ เพราะระยะเวลาดังกล่าวนี้ใช้เวลาเพียง 21 นาทีเท่านั้น และการส่งตัว"นายทักษิณ"ดำเนินการโดยผู้อำนวยการเรือนจำ จึงเป็นข้อสงสัยว่าเหตุใดบทบาทของแพทย์จึงน้อยมากในการให้ความเห็นในเรื่องนี้ สุดท้ายกลายเป็นเรื่องโยนกันไปโยนกันมา และไม่ทราบว่าการตัดสินใจให้"นายทักษิณ"รักษาตัวอยู่ในดุลพินิจตัดสินใจของใคร

"กลายเป็นแค่ คุณพยาบาลที่อยู่สถานพยาบาลโทรไปหาหมอที่โรงพยาบาลราชสถานเพื่อปรึกษา และหลังจากนั้นมีการส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งการโทรไปในลักษณะดังกล่าว เรียนตามตรงว่าเราไม่เคยทราบมาก่อนพยายามจะตรวจสอบว่าเป็นกระบวนการปกติหรือไม่พยายามขอแนวทางและวิธีการ เพราะไม่ใช่กรณีของนายทักษิณเพียงคนเดียว แต่ยังมีอีกหลายคนที่จะเจ็บป่วยและต้องการเข้าถึงทางการแพทย์ที่ฉุกเฉินเช่นเดียวกันแต่เราไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน" นายรังสิมันต์ กล่าว

"นายรังสิมันต์ โรม" สส. พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศของสภาผู้แทนราษฎร

"นายรังสิมันต์"  กล่าวด้วยว่า ยังเกิดข้อเคลือบแคลงว่า"นายทักษิณ"ป่วยจริงหรือไม่  หรือมีส่วนในการตัดสินใจในการรักษาเพราะความรับผิดชอบไม่ได้อยู่เพียงแค่หน่วยงานราชการ แต่หมายถึง"นายทักษิณ"เกี่ยวข้องกับการแสดงบทบาทบางอย่าง ทำให้เกิดการหลงเชื่อว่ามีความเจ็บป่วยและทำให้ผลของการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องส่งไปยังโรงพยาบาลตำรวจ กลายเป็นว่าสุดท้าย "นายทักษิณ"ไปอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นการอยู่ด้วยความชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จึงยืนยันที่จะแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป

ขณะเดียวกันได้รับข้อมูลจากเลขานุการของกรรมาธิการว่า ปกติการอยู่โรงพยาบาลตำรวจรักษาห้องพิเศษ  จะมีค่าใช้จ่าย 8,500 บาท และเป็นไปได้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเกินกว่า 1 ล้านบาท จึงเกิดคำถามว่าหน่วยใดเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายซึ่งขณะนี้ไม่ได้คำตอบรวมถึงเวชระเบียนการรักษา และข้อมูลการรักษาก็ไม่มีผู้ใดที่จะให้ข้อมูลตอบคำถามได้ 

"ทั้งหมดทำให้ข้อเท็จจริงหลายอย่างไม่ปรากฏชัดเจนต่อกรรมาธิการ  แต่สิ่งหนึ่งที่ปรากฏชัดเจนในวันนี้คือเรื่องที่น่าสงสัย เป็นเรื่องที่มีพิรุธ และเป็นเรื่องที่ตลอดการทำหน้าที่ในฐานะประธานกรรมการความมั่นคง ประชุม 53 ครั้งคิดว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่ได้รับความร่วมมือที่น้อยที่สุดจากหน่วยงานราชการ และเป็นครั้งที่หน่วยงานราชการไม่อยากตอบอะไรกับกรรมการทำให้ความสงสัยที่สังคมมีอยู่กับกรณีชั้น 14 ยังคงอยู่ต่อไป" นายรังสิมันต์ กล่าว

"นายรังสิมันต์ โรม" สส. พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศของสภาผู้แทนราษฎร

"นายรังสิมันต์" กล่าวต่อว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าในการประชุมครั้งหน้าจะเชิญใครมาชี้แจง เพราะยังอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุม แต่กำลังพิจารณาว่าการประชุมครั้งหน้าจะมีการพิจารณาในเรื่องนี้อีกหรือไม่ จะหารือกันอีกครั้งหนึ่ง แต่เบื้องต้นยังมีอีกหลายหน่วยงานเห็นว่าควรมีการพูดคุย เช่น แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจที่แจ้งว่ายินดีที่จะให้ข้อมูลในครั้งต่อไป หรือประธานอนุในการกลั่นกรองจริยธรรมของแพทยสภา อาจจะมีเวลาไม่ตรงกันจะพิจารณาหาเวลาอีกครั้งหนึ่ง หรืออธิบดีกรมราชทัณฑ์มองว่าจะต้องมีการชี้แจงในเรื่องนี้ และยืนยันว่ามีความจำเป็นที่จะแสวงหาข้อมูลในเรื่องนี้ต่อไป