3 พฤศจิกายน 2567 "นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" คณะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่าน "เนชั่นทีวี" ถึงสถานการณ์การทำงานพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งขณะนี้มีบางฝ่ายประเมินหลายมรสุมรุมนายกฯแพทองธารจนทำให้รัฐบาล จนเป็นเหตุให้ยุบสภาอยู่ไม่ครบเทอมว่า ต้องยอมรับก่อนว่า การจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้เป็นการจับมือของพรรคคนละขั้วมาตลอด โดยธรรมชาติจะให้เห็นทางเดียวกันหมดเป็นไปไม่ได้ คือต้องทำความเข้าใจ พูดคุย หรืออาจต่อรองบางเรื่อง บางกรณี สภาพสัมพันธ์แบบนี้ มองว่ารัฐบาลไปยากหรือไม่ คิดว่าไปถึงขั้นนั้น คงไม่มี
"แม้ว่าดึงกันไปดึงกันมา คิดว่าทุกพรรคเห็นตรงกัน ยังไม่อยากลงสนามเลือกตั้ง หรือขอให้ทำตามนโยบายแต่ละพรรคประจักษ์ชัดก่อน"
(ชมคลิปฉบับเต็ม )
ขณะที่ "นายราเชน ตระกูลเวียง" หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ ให้ความเห็นเรื่องการยื่นยุบพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล รวม 6 พรรค ว่า ถือเป็นการเมืองร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนผลจะออกมาอย่างไร คณะกรรมการการเลือกตั้งจะดำเนินการภายใต้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแบบตรงไปตรงมาหรือไม่ หรือมีเบื้องหลังอะไร เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งพรรคทางเลือกใหม่เองก็ไม่ประมาทเช่นเดียวกัน จึงต้องเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น อาจมีการยุบสภา ก็จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ขึ้น ซึ่งการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ หลังจากนี้จึงจะต้องจับตาดูกันอย่างไม่กะพริบตา
เมื่อถามถึงความมั่นใจในการบริหารงานของพรรครัฐบาล จะอยู่ต่อไปได้อีกยาวหรือไม่"นายราเชน" ระบุว่า ตอนนี้ยังมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่า "รัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร" จะอยู่ได้ไม่นาน อย่างเร็วที่สุดภายในปีนี้ อย่างช้าที่สุด คือ ไตรมาสแรกของปีหน้า
เนื่องจากรัฐบาลเมื่อได้รับโอกาสในการบริหารราชการแผ่นดิน กลับมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผิดพลาด ไม่ว่าเรื่องพื้นที่ทับซ้อนระหว่างกัมพูชากับไทย หรือการครอบงำของ "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะนำไปสู่การถูกยื่นยุบพรรคได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องกระตุ้นที่อาจจะก่อให้เกิดการยุบสภาได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ยังยืนยันว่า ยังพร้อมที่จะให้โอกาส "นางสาวแพทองธาร" ทำงานต่อไป แม้รู้สึกเสียดายโอกาสและเวลา คนใกล้ตัวนายกฯ ควรจะให้คำแนะนำและคำปรึกษาได้ดีและมากกว่านี้ วันนี้ นายกรัฐมนตรีเองจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกมิติ จะต้องรู้จักปรับตัว หากจะอยู่ต่อจะต้องทำอย่างไร หรือหากยุบสภาจะต้องทำอย่างไรต่อ จะต้องเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก
ส่วนเทวดามีจริงไหม"นายราเชน" ชี้ว่า เทวดาเป็นเพียงข้ออ้าง เป็นสิ่งสมมุติที่ถูกนำมาใช้ในทางการเมือง ถูกนำมาเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นต่าง ๆ มากกว่า เพราะในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจากคนธรรมดา ไม่ใช่เทวดา
"การที่มีการยื่นข้อกล่าวหาว่า นายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาครอบงำพรรคเพื่อไทยนั้น ส่วนตัวมองว่า ทุกอย่างมีเหตุ มีปัจจัย มีองค์ประกอบครบ การที่มีคนไปร้อง มีหลักฐาน มีข้อมูล ที่น่าเชื่อได้ว่าเป็นจริงตามที่ร้อง จะครอบงำหรือไม่ครอบงำนั้น ประชาชนมีวิจารณญาณถึงสิ่งที่มันเกิดขึ้นนั้น เป็นการครอบงำจริงหรือไม่ สิ่งที่ควรจะถูกยุบนั้นจริงหรือไม่ กติกามารยาท มันคนละเรื่องกัน ซึ่งความเป็นจริงแล้วสังคมรับรู้กันทั่ว"
"หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่" ยังฝากไปถึงเหล่าบรรดา สส. ที่จองกฐิน จ้องจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ถ้ารักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ก็ขอให้การตั้งกระทู้อภิปรายเป็นไปตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่เป็นไปตามเกมการเมือง ที่ถูกกำหนดขึ้นมาโดยใครบางคนบางกลุ่มบางพวก
"วันนี้ พรรครัฐบาลจะไปต่อไม่ได้ มีหลากหลายเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการครอบงำพรรค เรื่องข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนเกาะกูดก็เป็นไปได้ รวมไปถึงมาตรา 112 ของนายทักษิณ และเรื่องของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอีกคน ที่มีความพยายามจะพากลับเข้าประเทศมาอย่างเท่ ๆ สิ่งเหล่านี้จะเป็นเหตุให้รัฐบาลนี้อยู่ยากและอยู่อย่างลำบาก ทุกประเด็นเป็นไปได้หมด ล้วนเข้าข่ายครบองค์ประกอบให้เกิดการยึดอำนาจ หากเกิดขึ้นจริง ก็มองว่ามีความชอบธรรม ฉะนั้นนายกจะต้องตัดสินใจเลือกว่า จะยุบสภาฯ หรือจะปล่อยให้มีการยึดอำนาจ หากยุบสภาฯ ก็ 45 วัน แต่หากถูกยึดอำนาจ ก็ 4-5 ปี เลือกเอา" นายราเขน ย้ำทิ้งท้าย