11 ตุลาคม 2567 ภายหลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง "นางสาวจิราพร สินธุไพร" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงภายหลังประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณี The icon group ว่า " พลตำรวจเอพกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์" รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ตั้งศูนย์ร้องเรียนรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ซึ่งล่าสุด มีผู้เข้าไปร้องเรียนแล้ว 250 คนมีมูลค่าความเสียหาย 95 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ในช่วงของการเก็บข้อมูลหลักฐานต่างๆเพื่อนำไปสู่การแจ้งข้อหาในคดีใดบ้าง เช่น มีการหลอกลวงประชาชน แชร์ลูกโซ่ หรือขายตรง รวมถึงการกระทำผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์หรือไม่ ซึ่งตำรวจรับปากจะเร่งสอบสวนให้เร็วที่สุดไม่เกิน 1 สัปดาห์
ส่วนจะมีการยึดทรัพย์และให้เรื่องนี้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ "นางสาวจิราพร"ระบุว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงของการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน ซึ่งเราก็กลัวว่าจะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ทางตำรวจ บก.ปคบ.ได้ทำหนังสือถึงสํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ให้พิจารณาอายัดทรัพย์ โดยขณะนี้ ปปง.ได้เฝ้าระวังไม่ให้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ถ้ามีการขยับยักย้ายถ่ายเทแบบผิดปกติจะเข้าข่ายการฟอกเงิน จึงขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่าขณะนี้ ปปง.กำลังจับตาดูอยู่ แต่ยังไม่ถึงขั้นของการอายัดทรัพย์สินเพราะมีขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมย้ำว่าขอให้ประชาชนสบายใจได้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เฝ้าระวังทรัพย์สินและบัญชีเงินฝากแล้ว
"นางสาวจิราพร" ยังย้ำด้วยว่า ภายใน 1 สัปดาห์จะทราบผลการสืบสวนข้อเท็จจริง ส่วนจะเป็นคดีพิเศษของดีเอสไอหรือไม่จะต้องมีผู้เสียหายจำนวน 300 คนมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ก็ใกล้แล้ว แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช.ก็ทำงานมีประสิทธิภาพในการรับเรื่องร้องเรียนและสืบสวนข้อเท็จจริง โดย สตช.จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำนักงานเศรษฐกิจการคลังซึ่งเป็นผู้ถือกฎหมายก็จะเข้าให้ข้อมูลกับทีมสอบสวนด้วยเช่นกัน
เมื่อถามว่าที่ประชุมวันนี้มีการพูดถึงการออกหมายจับดารามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นางสาวจิราพร ระบุว่า สตช. จะมีการเรียก influencer เข้ามาสอบปากคำ ขณะที่ สคบ.ที่ดูกฎหมายโฆษณาจะเรียก “บอสพอล” หรือ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล และดาราที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลในวันที่ 16 ตุลาคมนี้
และเมื่อถามว่าการตรวจเส้นทางการเงินจะรวมถึงดาราที่เป็นข่าวในขณะนี้หรือไม่ นางสาวจิราพร ระบุว่า ต้องขยายผลให้ครอบคลุม ตามที่ผู้เสียหายให้ข้อมูลมา พร้อมยืนยันทุกคนที่เข้าข่ายต้องมาให้ข้อมูลกับทางหน่วยงานและตำรวจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในปี 2565 มีประชาชน มาร้องเรียนประเด็นนี้กับ "สคบ."แต่ไม่ได้มีการรับเรื่องไว้ เนื่องจาก "สคบ."ระบุว่าไม่ใช่เรื่องของผู้บริโภค นางสาวจิราพร ยอมรับว่า ในปี 2565 มีผู้มาร้องเรียน 10 กว่าราย ซึ่งถ้าดูจากพฤติการณ์ เป็น Business to Business ลักษณะการร่วมลงทุน ซึ่ง "สคบ."มองว่าไม่ใช่ผู้บริโภคโดยตรง แต่มีการเชิญมาให้ข้อมูลและรายได้ยุติเรื่องไปเองเข้าใจว่าอาจจะมีการเยียวยาได้รับเงินคืนเป็นบางเคส ซึ่งตน ได้เน้นย้ำว่าประเด็นใดที่เกินขอบเขตอำนาจของ สคบ.ต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สำหรับกรณีที่มีเอกสารหลุดว่า สคบ. ส่งเรื่องไปที่ สตช. อย. และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และได้มีการตามต่อเรื่องนี้หรือไม่ "นางสาวจิราพร" ยอมรับ สคบ.ได้รับเรื่องร้องเรียนตั้งปี 2561 เป็นในลักษณะบัตรสนเท่ห์ให้ตรวจสอบบริษัท "The icon Group" แต่ สคบ. ไม่ได้มีอำนาจตรวจสอบจึงได้ทำหนังสือไปที่ 3 หน่วยงานดังกล่าวซึ่งทาง อย.ได้มีหนังสือตอบกลับมาว่าได้มีการเปรียบเทียบปรับไปแล้วในปี 2562 แต่ในส่วนของ สตช.ได้มีการหารือกับว่าที่ ผบ.ตร. ได้มีการตรวจสอบหนังสือที่ส่งไปว่ามีการดำเนินการอย่างไรหรือไม่ถ้ามีข้อมูลการสอบสวนในขณะนั้นที่เป็นประโยชน์ก็จะนำมาใช้แต่ถ้ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็จะมีการเอาผิดทางวินัยโดยไม่มีการละเว้น ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ก็ได้มีการมาให้ข้อมูลกับ สตช. ขณะที่ สคบ.ก็จะทำหนังสือสอบถามอีกครั้งถึงความคืบหน้า
"นางสาวจิราพร" ยังชี้แจงกรณีปรากฏภาพ สคบ. มอบโล่ให้กับ "บอสพอล" ว่า ตอนนั้นเป็นทางบริษัท ได้เข้ามาบริจาคหน้ากากและแอลกอฮอล์ ให้กับคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร ในต่างจังหวัด ซึ่งสคบ.เข้าไปเป็นวิทยากรร่วมจึงได้เสนอชื่อได้รับโล่รางวัล ซึ่งเป็นโล่รางวัลเกี่ยวกับการทำสาธารณะประโยชน์ ไม่เกี่ยวอะไรกับการประกอบธุรกิจ ดังนั้นในประเด็นนี้ตนได้สั่งการ ให้เข้าไปตรวจสอบถ้าใช้โล่รางวัลผิดวัตถุประสงค์ หรือไปโปรโมทการทำธุรกิจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดก็จะเรียกคืนโล่รางรางวัล
ส่วนกรณีคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่"ที่บอกมีเทวดาที่ สคบ.นั้น" ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนสบายใจ ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และคณะกรรมการกลุ่มดังกล่าวเป็นคนนอก เพื่อให้มีความโปร่งใสมากที่สุด
ชมคลิป >>> สคบ.แถลงด่วนสางปม"ดิไอคอน"