จากกรณีการสังหาร "สจ.โต้ง" ในบ้านของ "โกทร" นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกอบจ.ปราจีนบุรี ตำรวจจับกุมโกทร พร้อมลูกน้องอีก 6 คน พร้อมนำตัวไปฝากขัง ต่อมา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้โอนสำนวนคดีจาก สภ.เมืองปราจีนบุรี มายังกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และเมื่อสำนวนถูกโอนมาอยู่ในความรับผิดชอบของกองบังคับการปราบปราม จึงมีแนวโน้มที่จะมีการนำตัว นายสุนทร และลูกน้อง มาคุมขังที่พื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามที่เสนอข่าวที่เสนอก่อนหน้านี้
ล่าสุด พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ที่อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A) ศูนย์ราชการเฉลิมเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ ถึงการเตรียมย้าย "โกทร" และพวก จากเรือนจำจังหวัดนครนายก มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่า การย้ายตัวนายสุนทร และพวกนั้น ปกติจำเลยหรือผู้ต้องหา หากศาลยังไม่ตัดสินถือเป็นผู้ต้องหา จะอยู่กับเขตอำนาจพนักงานสอบสวน แต่ถ้าเป็นคดีของกองบังคับการปราบปราม ซึ่งเขตอำนาจของกองปราบฯ มีทั่วประเทศ กองปราบฯ อาจใช้เรือนจำจังหวัดนครนายกก็ได้ แต่ต้องดูว่ากองใดของกองปราบฯ จะเป็นผู้ดำเนินการ
ทั้งนี้ ต้องไปสอบถามทางกองปราบฯ การขอโอนย้ายตัวผู้ต้องหาจากพื้นที่หนึ่งไปคุมขังยังอีกพื้นที่หนึ่งนั้น พนักงานสอบสวนจะต้องส่งเอกสารทำเรื่องการขอย้ายตัวผู้ต้องหากับศาลจังหวัดนครนายก แล้วศาลจึงจะมีคำสั่งโอนย้าย โดยการโอนย้ายตัวผู้ต้องหาจะต้องย้ายทั้งหมด เพราะอยู่ในสำนวนเดียวกัน
สำหรับกรณีที่นายสุนทร เป็นบุคคลสูงอายุ 85 ปี และมีโรคประจำตัว การพิจารณาให้ได้รับการพบแพทย์ กระบวนการขั้นตอนเป็นอย่างไรนั้น พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า หากมีอาการเจ็บป่วยตามระเบียบแล้วก็สมควรได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็ว แต่ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของผู้บัญชาการเรือนจำที่จะพิจารณาส่งตัวให้ได้รับการรักษาพยาบาล
การไปรักษาพยาบาล ด้วยความเป็นพื้นที่ควบคุมก็ต้องมีการอายัดตัวกับตำรวจ และเจ้าหน้าที่เรือนจำฯ ก็ต้องไปควบคุมด้วย เหมือนคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร
ทั้งนี้ การจะส่งตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวภายนอกเรือนจำนั้น ผู้บัญชาการเรือนจำจะต้องเป็นคนที่อนุมัติออก แต่หมอต้องรับว่าป่วยจริงหรือไม่ หากป่วยไม่จริงก็ต้องส่งตัวกลับ
"ในส่วนของการขอพักการลงโทษนั้น จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีของ "โกทร" เพราะการพักโทษต้องเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดเท่านั้น ต้องมีคำพิพากษาศาลตัดสินเท่านั้น"
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า กรณีของการเจ็บป่วยสามารถส่งตัวผู้ต้องขังออกไปรับการรักษาตัวภายนอกเรือนจำได้ จะเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ในแม่ข่าย อย่างเช่นโรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ แต่ถ้าทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ สามารถรองรับได้ ก็ให้โรงพยาบาลราชทัณฑ์รับดำเนินการดูแลเรื่องการพยาบาล
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า หากมีการย้ายตัวผู้ต้องขังจากเรือนจำหนึ่งมาอีกเรือนจำหนึ่ง ก็จะต้องมีการกักโรคโควิด-19 จำนวน 5 วัน แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องกักโรคถึง 5 วัน แต่อย่างไรเบื้องต้นก็ยังคงการกักโรคโควิดไว้ที่ 5 วันไว้ก่อน