10 ต.ค. 67 "นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร" ทนายความอิสระ เปิดเผย "เนชั่นทีวี" ว่า การไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีนายทักษิณ และ พรรคเพื่อไทย เพราะได้ติดตามคำร้องจากประเด็นต่างๆ ที่มีผู้ไปยื่นก่อนหน้านี้แล้วเห็นว่ามี 10 คำร้อง จึงนำมาประมวล ปะติดปะต่อว่า จากพฤติกรรมอย่างนี้ ลักษณะนี้ กลายเป็นข้อสงสัย ลักษณะอย่างนี้เข้าข่ายครอบงำหรือไม่
เล่าเบื้องลึกสัมพันธ์ลับ 10 ตุลา ยื่นศาลฯบังเอิญหรือไม่
"และมีบางประเด็นที่ไปคาบเกี่ยวกับพรรคพลังประชารัฐ จึงได้ติดต่อไปยัง"นายไพบูลย์ นิติตะวัน" เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พูดคุยสอบถาม โดยนายไพบูลย์ ทราบว่า ก่อนหน้าผมเคยไปยื่นให้มีการตรวจสอบพรรคเพื่อไทย นายทักษิณ ที่อัยการสูงสุดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. ท่านคงจะนับวันครบกำหนดเวลา 15 วัน หากยังไม่มีการดำเนินการ ทำให้ผมสามารถไปยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ จึงได้ออกมาให้ข่าววันที่ 10 ต.ค. จะมีเหตุการณ์อย่างนี้" นายธีรยุทธ กล่าว
ส่วนกรณี "นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์" อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย จะตรวจสอบตนถึงความเกี่ยวพันกับบุคคลหรือไม่นั้น ตลอดจนเส้นทางการเงินนั้น ก็ตรวจสอบได้ ไม่มีปัญหา เพราะไม่ได้มีความสัมพันธ์กับพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เท่าที่ทราบ ยังไม่ได้มีการยื่นให้ตรวจสอบ เป็นเพียงการตั้งข้อสังเกต ซึ่งมั่นใจว่า สามารถชี้แจงได้หมดทุกเรื่อง
"ผมได้พยายามนึกอยู่ถ้ามีเรื่องอะไรเกี่ยวกับพปชร.บ้าง และจะจับโยง ก็น่าจะมีอยู่เรื่องเดียว สมัยผู้สมัคร สส.พปชร.ลพบุรี ขอให้มาช่วยว่าความ แต่ไม่ได้มีการว่าจ้างกันเป็นกิจลักษณะ ไม่มีการทำเอกสารอะไร แล้วผมจะไปรับจ้างว่าความได้อย่างไร ส่วนความสัมพันธ์ผมกับคุณไพบูลย์ น่าเกิดขึ้นในสมัยพรรคประชาชนปฏิรูป ที่ผมเข้าไปเป็นฝ่ายกม.ให้พรรคมีสองสามคน ช่วยรับเรื่องราวร้องทุกข์ประชาชน จากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรกับพรรคการเมืองอีกเลย เพราะผมเป็นประชาชนตัวเล็กๆ ที่ต้องประกอบอาชีพทำมาหากินปกติ อยู่ด้วย"
หมายใจ "พยานบุคคล"ให้การศาลรธน. ปมบ้านจันทร์ฯ
ถามว่า ในคำร้องที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ มีการอ้างถึงพยานบุคคลชั้น14 โรงพยาบาลตำรวจ กับ บ้านจันทร์ส่องหล้า มั่นใจว่า ข้อมูลตรงนี้จะสามารถเอาผิด ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมในการครอบงำได้ใช่หรือไม่ "นายธีรยุทธ" กล่าวว่า ยังไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกับพยานเหล่านั้น คงต้องรอให้เรื่องที่ยื่นไปศาลรัฐธรรมนูญ แล้วศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้วินิจฉัยก่อน บุคคลที่ระบุเป็นพยาน “เป็นการหมายใจเอาไว้ ด้วยตัวเราเอง ยังไม่ได้พูดคุยกันมาก่อน ไม่ขอระบุว่าเป็นใครบ้าง มีกี่ปาก แต่มีมากกว่า 1 คนแน่นอน ทั้งนี้ หากบุคคลที่เป็นพยาน ที่ดูแล้วเป็นคนกลาง มั่นใจว่า ศาลจะรับฟัง ที่ยังไม่ได้พูดคุยกับพยาน ยังไม่ได้บอกก่อน เพราะจะทำให้ความบริสุทธิ์ของพยานน้อยลง เพียงแต่ หมายใจเอาไว้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ รับเรื่องของตนไว้พิจารณาไต่สวน จะบอกได้ว่า พยานเหล่านั้น เป็นใครบ้าง
ไม่คาดหวัง"ยุบพรรค" รอศาลรธน.รับคำร้องก่อน
ถามอีกว่า จากการไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นหัวเชื้อนำไปสู่ปลายทางให้มีการยุบพรรค ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยหรือไม่ "นายธีรยุทธ" กล่าวว่า คงต้องรอดูก่อนว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะรับกรณีของตนไว้วินิจฉัยหรือไม่ ไม่ได้คาดหมายว่าจะต้องมีการยุบพรรคหรือไม่ยุบพรรค แม้ก่อนหน้าเคยไปยื่นต่อศาลกรณีพรรคก้าวไกล มีความแตกต่างกัน กรณีก้าวไกล ศาลพิจารณาจากคำวินิจฉัยเดิม แล้วนำมาเทียบเคียง แต่กรณีพรรคเพื่อไทย นายทักษิณ มีความนุ่มลึกลงไปอีก แต่เมื่อได้นำคำร้อง เหตุการณ์ต่างๆมาปะติดปะต่อได้เห็นภาพที่ชัดขึ้น
เปิดไทม์ไลน์ ยื่นศาลรธน.สั่งให้ทักษิณ -เพื่อไทย หยุดการกระทำ
1. "ธีรยุทธ สุวรรณเกษร" รวบรวมศึกษาคำร้องลักษณะคล้ายคลึงกัน กรณี"ทักษิณ ชินวัตร" เข้าข่าย ครอบงำ แทรกแซง เพื่อไทย ทั้ง 10 คำร้อง ที่มีบุคคล คณะบุคคล ไปยื่นองค์กรอิสระก่อนหน้านี้
2. ตั้งข้อสังเกตบรรดาคำร้องต่างๆ เข้าข่าย ครอบครอง ครอบงำ แทรกแซงอย่างไร โดยมีกรณีของ"พรรคพลังประชารัฐ" ที่มีข่าวออกมาว่า พรรคเพื่อไทย ตัด พรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ท่ามกลางข่าว คนบ้านจันทร์ฯ สั่งการ
3. ยอมรับต่อสายสอบถาม"นายไพบูลย์ นิติตะวัน" เลขาธิการพรรคพปชร. ต่อกรณีข้อสอง
4. ยกร่างคำร้อง 65 หน้า ยื่นอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567
5. สำนักงานอัยการสูงสุดไม่มีความเคลื่อนไหว ล่วงเลย 15 วัน
6 "ธีรยุทธ สุวรรณเกษร" ตัดสินใจ นำคำร้อง ยื่นศาลรธน. 10 ตุลาคม 2567
7. "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ล่วงรู้กำหนดการยื่นคำร้อง 10 ตุลาคม เนื่องจาก "ธีรยุทธ สุวรรณเกษร" เคยโทรมาสอบถามปมพปชร.ถูกเขี่ยทิ้งรัฐบาล จึงนำไปแถลงข่าว 10 ตุลามีข่าวใหญ่