24 กันยายน 2567 ที่พรรคพลังประชารัฐ "นายไพบูลย์ นิติตะวัน" เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ได้มอบอำนาจให้มีการเข้าแจ้งความที่สน.หัวหมาก กับพนักงานสอบสวน เพื่อขอให้สอบสวนและสืบสวนกรณีที่ "นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์" อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ได้กระทำการนำคลิปดัดแปลงเสียงบทสนทนาของ"พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ" หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับ "นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ" มาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)
ทั้งนี้ การดำเนินการของ "นายพร้อมพงษ์" อาจจะมีความผิดเข้าข่ายการฝ่าฝืนประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฉบับที่ 21 เรื่องการดักฟังทางโทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสาร ข้อที่ 2 หรือไม่ ซึ่งหากพบว่าเป็นการกระทำความผิดกฎหมายจริงก็ขอให้ดำเนินการทางคดีทางกฎหมายต่อไป และยังมีการกระทำอื่นที่เป็นต่างกรรมต่างวาระอีก 2 กรณี ที่ตนเองกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะดำเนินการอย่างไร
อย่างไรก็ตาม หากมีความผิดจริงคดีความดังกล่าวมีโทษจำคุก 5 ปี ในแต่ละกรรม และมีอายุความ 10 ปีดังนั้นจึงยังมีเวลา ในการดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ให้ดำเนินการในชั้นต้นไปก่อน1คดี โดยให้พนักงานสอบสวนสืบสวนดูว่ามีการกระทำความผิดจริงหรือไม่
"นายไพบูลย์" ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ หรือ "หมาแก่" ผู้จัดรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand”, รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ และสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 MCOT ว่า ได้ร่างคำฟ้อง หมิ่นประมาทแล้ว และดำเนินการไปพร้อมกับการฟ้องแพ่ง ที่มีการเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท ซึ่งในวันจันทร์ ที่ 30 กันยายนนี้ จะมีการไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาและศาลแพ่ง
โดยคำฟ้องที่จะไปยื่นฟ้องมีความน่าจะเป็นสูงที่อัยการจะสั่งฟ้องแต่ทั้งหมดทั้งมวลขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนว่ามีการกระทำความผิดฝ่าฝืนกฎหมาย ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฉบับที่ 21 ข้อ 2 หรือไม่ ยังไม่ฟันธงอยู่ที่พนักงานสอบสวน
ส่วนที่ "นายพร้อมพงษ์" จะยื่นให้สภาและป.ป.ช.ตรวจสอบการลาประชุมของพลเอกประวิตร ซึ่งถือเป็นการเดินเกมปิดสวิตซ์ป.บ้านป่านั้น "นายไพบูลย์" กล่าวว่า เป็นเพียงแค่วาทกรรม เห็นว่า "นายพร้อมพงษ์" ไปยื่นก็ไม่ผิดอะไร เพราะ "พลเอกประวิตร" ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ผิดข้อบังคับ ทุกอย่างทำถูกต้อง ตามกฎหมายตามข้อบังคับทั้งสิ้น ดังนั้นกรณีที่นายพร้อมพงษ์ได้กล่าวว่าปิดสวิตช์นั้นเป็นเพียงวาทกรรมที่ไม่มีความหมายใดๆ
ส่วนที่มีการถามหาเหตุผลกรณีที่พลเอกประวิตรลาว่าลาไปไหน ลาไปทำอะไร "นายไพบูลย์" กล่าวว่า"ไม่ใช่หน้าที่เขา เราทำตามกฎหมายเขาไม่ได้มีหน้าที่ ก็ไม่ต้องไปตอบ ถ้าเขาอยากรู้ก็กลับไปถามคนในพรรคเขาบ้างก็ได้ว่าลาไปเพราะอะไร คนในพรรคเขาก็ลากันไปเป็นประจำอยู่แล้ว ที่ตนต้องพูดอย่างนี้เพราะว่าเขาไม่มีสิทธิ์อะไรมาถาม ซึ่งพลเอกประวิตรก็มีการไปประชุมต่างๆอยู่บ้างหลายครั้งแล้ว แต่ถ้าไม่ได้ไปก็ส่งหนังสือลา เพราะเป็นระเบียบของสภาไม่ได้มีปัญหาอะไร และไม่ได้ผิดข้อกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับรวมถึงจริยธรรมใดๆทั้งสิ้น ที่ไม่ออกมาชี้แจงหรือตอบโต้เพราะเห็นว่ากรณีที่นายพร้อมพงษ์ไปยื่นเป็นเรื่องไร้สาระ
ส่วนกรณีที่ "นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ" ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่าไม่เคยเจอพลเอกประวิตรในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายไพบูลย์กล่าวว่า ท่านอยู่ในห้องประชุมสภาตลอดหรือไม่ มีหน้าที่ในการตรวจสอบหรือ คนที่ไม่ได้มีหน้าที่แล้วมาออกมาพูดตนก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ ควรจะดูกรอบหน้าที่การทำงานของตัวเอง
"นายไพบูลย์" ยังกล่าวถึง ประเด็นที่นายพร้อมพงษ์แนะนำให้พลเอกประวิตรเปลี่ยนทีมกฎหมายเพราะอาจจะตกม้าตายถูกดำเนินคดีได้ ว่า คำพูดก็แสดงถึงเจ้าตัว สื่อมวลชนก็ชั่งน้ำหนักเอาเองแล้วกัน ว่าเขามีหน้าที่อะไรที่พูดออกมาบ้าง และไม่ขอตอบอะไรกับคนที่ตั้งคำถามต่อสังคมในประเด็นที่ไร้สาระ เรื่องไร้สาระไม่จำเป็นจะต้องพูดถึง