svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“โรม” ตั้งฉายารัฐบาลใหม่ “ครม.โควตาครอบครัว” ซัดเป็นเก้าอี้ดนตรี

“โรม” ตั้งฉายารัฐบาลใหม่ “ครม.โควตาครอบครัว” ซัดเป็นเก้าอี้ดนตรี ตัวจริงอยู่เงามืดหลังฉาก คนที่มาเป็นแค่ตัวแสดง ไม่ตอบโจทย์วิกฤตชาติ มองหน้าตาก๊อปวาง “รัฐบาลเศรษฐา” ขณะแถลงนโยบาย ไม่ต้องจริงจังก็ได้ เหตุ 22 สิงหา มีคนแถลงไปหมดแล้ว

ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กล่าวถึงหน้าตา ครม.ชุดใหม่ แพทองธาร 1 ว่า เป็น “ครม.โควตาครอบครัว” ที่เราจะเห็นว่า เมื่อลูกเป็นไม่ได้ ก็ให้พ่อมาเป็น เอาน้อง เอาเพื่อน มาเป็น ซึ่งยอมรับว่าเมื่อพูดถึงการเมือง เราก้อยากได้คนที่มีความสามารถตรงกับเรื่องนั้น เมื่อเจอเรื่องจริยธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ที่เป็นการตีความอยากกว้างของศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน ทำให้สุดท้ายกลายเป็นครม.เก้าอี้ดนตรี หมุนเวียนกันไป ทำให้ตนไม่มั่นใจว่า คนที่มานั่งเป็นรัฐมนตรี เป็นตัวจริงหรือไม่ หรือจะต้องมีคนที่อยู่เบื้องหลัง อาจไม่ได้เป็นตัวแสดงจริง ทำให้การบริหารราชการแผ่นดิน อาจมีปัญหาต่อไป และทำให้การตรวจสอบของฝ่ายค้านทำได้ยากยิ่งขึ้น สุดท้าย ที่เกิดขึ้นในครม.ชุดนี้ คือ “ตัวจริงอยู่หลังฉาก ส่วนคนที่มาเป็นรัฐมนตรี ก็เป็นแค่ตัวแสดงเท่านั้น” ก็คงถูกวิพากษ์วิจารณ์ และหากในอนาคต มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราต้องไปดูสุดท้ายจะยอมรับ ให้ระบบแบบนี้ดำเนินต่อไปในหรือไม่

ส่วนคำว่า “ครม.ครอบครัว” เกิดขึ้นตั้งแต่ตัวนายกรัฐมนตรี เลยใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ หัวเราะ ก่อนจะกล่าวว่า สัปดาห์หน้า จะเป็นการแถลงนโยบาย แต่เราก็คงจะทราบแล้วว่า การแถลงนโยบายได้เกิดขึ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ดังนั้นสัปดาห์หน้า จึงเป็นการแถลงนโยบายที่ไม่จำเป็นต้องจริงจังนัก เพราะถือว่าวันนั้น ได้แถลงให้สาธารณะ ทราบแล้ว และเราในฐานะฝ่ายค้าน ก็ติดตาม ตั้งคำถามกับนโยบายของรัฐบาล
ส่วนที่กล่าวกันว่าเป็นสมบัติผลัดกันชม หรือโควตาครอบครัว ตนเชื่อว่า สังคมจำนวนมาก คงตั้งคำถามในลักษณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทย ในการทำงานยุคของนายเศรษฐา ทวีสิน มีนายกฯ 2 คน มาวันนี้ ไม่แน่ใจว่า เป็นนายกฯ 2 คน หรือคนหนึ่ง ซึ่งจะเป็นคุณอุ๊งอิ๊ง หรือไม่ ตนไม่แน่ใจ สุดท้ายเรากำลังอยู่ในบรรยากาศ ที่การเมืองขาดเสถียรภาพ ขาดความแน่นอน และไม่รู้ว่า ตกลงแล้วใครคือผู้ตัดสินใจ ทั้งนี้การที่ผู้ที่ตัดสินใจ และไม่รับผิดชอบอะไรเลย มันจะสร้างปัญหาทางการเมืองอย่างแน่นอน เป็นข้อที่ตนกังวล

"ผมเชื่อว่ารัฐบาลนี้ จะกังวลทุกอย่าง ไม่กล้าทำอะไร เพราะกลัวว่าจะผิดจริยธรรม กลัวโดนองค์กรอิสระ หรือศาลรัฐธรรมนูญเล่นงาน สุดท้ายก็จะเป็นรัฐบาลที่ทำอะไรไม่ได้เลย ดังนั้น โจทย์ของรัฐบาลนี้ คือจะแก้วิกฤตตรงหน้าที่ทำลายเสถียรภาพอย่างไร หากแก้ไม่ได้ ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ"นายรังสิมันต์กล่าว

ส่วนหน้าตาของรัฐมนตรีชุดนี้ ไปวัดไปวา หรือพอจะฝากผีฝากไข้ได้หรือไม่ นายรังสิมันต์ บอกว่าหน้าตา ส่วนใหญ่ยังเป็นคนเดียว คำถามคือ ในยุคของนายเศรษฐา ไปได้ไกลแค่ไหน เป็นนายกฯ เกือบปี นโยบายเรือธง ที่สัญญา ไว้กับประชาชน มีเรื่องไหนสำเร็จแล้วบ้าง คำถามที่ตามมาคือ คนเดิม ที่มีอำนาจแบบเดิม จะทำสำเร็จได้อย่างไร

นอกจากนั้น ยังมีส่วนผสมใหม่ คนเดิม ที่ยังอยากจะเป็นรัฐมนตรี และเป็นไม่ได้ต้องอยู่หลังฉาก อยู่ภายใต้เงามืด และต้องส่งตัวแทนมาทำ และจะทำหน้าที่ได้ดีอย่างไร ตนจึงคิดว่าส่วนผสมแบบนี้ ไม่ตอบโจทย์ของชาติที่เผชิญอยู่ ยังนึกไม่ออกว่ารัฐบาล จะสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนได้อย่างไร