svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"นายกฯเศรษฐา" มุ่งยกระดับ "แอปฯ ทางรัฐ" สู่การเป็น Super App

โฆษกรัฐบาล เผย รัฐบาล เตรียมยกระดับ "แอปฯ ทางรัฐ" สู่การเป็น Super App พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และ E-Government ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐอย่างทันสมัย สะดวก ครอบคลุม ปลอดภัย และตรวจสอบได้

31 กรกฎาคม 2567  "นายชัย วัชรงค์" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มุ่งวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อนำไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและ E-Government วางนโยบายพัฒนาแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” สำหรับลงทะเบียนรับสิทธิในโครงการ "ดิจิทัลวอลเล็ต" 10,000 บาท ของรัฐบาล ไปสู่การสร้าง “Super App” ยกระดับเป็นศูนย์กลางในการให้ประชาชนทุกช่วงวัยสามารถติดต่อขอรับบริการจากภาครัฐผ่านแอปพลิเคชันนี้ได้อย่างครอบคลุมตลอด 24 ชั่วโมง

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า รัฐบาลโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA ได้ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" ซึ่งปัจจุบันมีบริการภาครัฐกว่า 152 บริการ ก้าวไปสู่การเป็น "Super App" ที่ครอบคลุมการติดต่อและรับบริการจากภาครัฐแบบครบวงจร และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนคนไทยทุกคน ตามแนวความคิด E-Government ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงภาครัฐผ่านช่องทางที่ง่าย จบ ครบทุกช่วงวัย โดยประชาชนสามารถขอรับบริการได้แบบออนไลน์ทั้งหมด ลดค่าใช้จ่าย การเตรียมเอกสาร และประหยัดเวลาในการติดต่อหน่วยงานราชการ 

รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการใช้แอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" โดยการนำระบบ Blockchain มาใช้เพิ่มความโปร่งใสในการทำธุรกรรม ต้องมีการยืนยันตัวตนบนแอปพลิเคชันด้วยมาตรฐานการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล รวมถึงมีการเชื่อมข้อมูลของแต่ละหน่วยงาน ทำให้สามารถตรวจจับผู้ที่ดำเนินธุรกรรมอย่างผิดกฎหมาย หรือใช้ไม่ตรงวัตถุประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

ชัย วัชรงค์  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" ยังถูกออกแบบมาให้มีการใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าแบบพบหน้า และต้องซื้อสินค้าจากร้านค้าในอำเภอเดียวกันกับชื่อที่อยู่ในทะเบียนบ้าน หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขจะทำให้การใช้จ่ายนั้นไม่ผ่าน ทำให้ต้องมีการตรวจสอบ 3 ด้าน ได้แก่ 1) ที่อยู่ของร้านค้าตามที่ลงทะเบียนโครงการฯ 2) ที่อยู่ของประชาชนตามทะเบียนบ้านในขณะที่ ลงทะเบียนโครงการฯ และ 3) พิกัดที่อยู่ของประชาชนในขณะที่ใช้จ่ายกับร้านค้าต้องอยู่ในเขตอำเภอเดียวกัน การชำระเงินจึงจะสมบูรณ์ อย่างไรก็ดี ผู้ที่ชื่อที่อยู่ในทะเบียนบ้านกับที่อยู่จริง ณ ปัจจุบัน ไม่ตรงกัน กระทรวงการคลังเปิดโอกาสให้สามารถย้ายที่อยู่ในทะเบียนบ้านได้ โดยให้ย้ายทะเบียนบ้าน ที่อำเภอ หรือสำนักงานเขต ให้เสร็จสิ้นก่อนทำการลงทะเบียนสมัคร Digital Wallet 1 วัน เช่น หากวางแผนจะลงทะเบียนสมัคร Digital Wallet ในวันที่ 1 กันยายน 2567 ให้ย้ายทะเบียนบ้านให้เสร็จภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567 

\"นายกฯเศรษฐา\"  มุ่งยกระดับ \"แอปฯ ทางรัฐ\" สู่การเป็น Super App

 

"นายกรัฐมนตรีมุ่งหวังให้โครงการ Digital Wallet วางรากฐานระบบเศรษฐกิจดิจิทัล และ E-Government ให้ประเทศ ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับต่อยอดพัฒนาให้แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ไปสู่การเป็น “Super App” ซึ่งนอกจากจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลของประชาชนถึง 40-50 ล้านนคนแล้ว ยังวางเป้าหมายยกระดับการให้บริการแก่ประชาชนคนไทยทุกคนและทุกช่วงวัย ให้สามารถรับบริการจากหน่วยงานรัฐได้อย่างสะดวก ครอบคลุม ปลอดภัย และตรวจสอบได้" นายชัย กล่าว

 

1 สิงหา คิกออฟลงทะเบียนแอปฯทางรัฐ รับเงินหมื่น 

 

"นายชัย วัชรงค์" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 1 สิงหาคม 2567 นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป (หลังจากนั้นลงทะเบียนได้ 24 ชม.) จะเป็นวันแรกของการเปิดระบบลงทะเบียนและยืนยันตัวตนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เน้นย้ำการลงทะเบียนของผู้ที่มีสมาร์ทโฟน สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" ได้โดยตรงจากแพลตฟอร์มของระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนทั้ง ไอโอเอส (iOS) และ แอนดรอยด์ (Android)

 

โดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกประชาชนลงทะเบียนโครงการฯ สำหรับผู้ที่มีสมาร์ทโฟน ตั้งจุดให้บริการ (Walk-in) ช่วยลงทะเบียน และสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ใน 4 สถานที่หลักทั่วประเทศ ได้แก่ ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ที่ทำการไปรษณีย์ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รวมจำนวน 5,199 จุด ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567 นี้ 

 

\"นายกฯเศรษฐา\"  มุ่งยกระดับ \"แอปฯ ทางรัฐ\" สู่การเป็น Super App

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567 รัฐบาล พร้อมด้วยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ไว้บริการประชาชนผู้มีสมาร์ทโฟน แต่ต้องการความช่วยเหลือในการลงทะเบียน ตามระยะเวลาทำการใน 4 สถานที่หลักทั่วประเทศ ได้แก่ 
1) ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 1,722 ศูนย์ 
2) ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 1,200 แห่ง (ยกเว้น ไปรษณีย์อนุญาต (เอกชน) และร้านค้าให้บริการ) 
3) ธนาคารออมสิน 1,047 แห่ง ทั่วประเทศ
4) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1,238 แห่ง 

 

ขณะที่กลุ่มของผู้ที่ไม่มีสมาร์ตโฟนนั้น จะเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน - 15 ตุลาคม 2567 ณ สถานที่ที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งจะมีการแจ้งระบุสถานที่อย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยจะต้องใช้บัตรประชาชนในการใช้จ่าย และต้องตรวจสอบคุณสมบัติสถานะบุคคลตามทะเบียนบ้าน

 

\"นายกฯเศรษฐา\"  มุ่งยกระดับ \"แอปฯ ทางรัฐ\" สู่การเป็น Super App

 

ทั้งนี้ ในหัวค่ำวันนี้ (31 กรกฎาคม 2567) ระบบจะหยุดทำงานราว 2-3 ชั่วโมง เพื่อรีเซตระบบอีกครั้ง เตรียมความพร้อมสำหรับเปิดรับการลงทะเบียนในวันที่ 1 สิงหาคม 2567 โดยสำหรับประชาชนที่สนใจศึกษาข้อมูล ข่าวสาร และรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าเว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือ www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย และศูนย์บริการข้อมูล โทรสายด่วน. Digital Wallet 1111 ซึ่งพร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง 

“รัฐบาลเชื่อมั่นว่าโครงการฯ นี้จะเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจที่สำคัญในการกระจายรายได้ เกิดการจับจ่ายใช้สอย สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศตั้งแต่ระดับฐานราก พร้อมทั้งช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชน สามารถพึ่งพาตนเองได้ เพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ รวมถึงเป็นรากฐานสำคัญด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต” นายชัย กล่าว