“ปฏิญญาเขาใหญ่” ตัดจบ 5 ปมขัดแย้ง "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย"

การไปออกรอบตีกอล์ฟ และร่วมร้องเพลง “แค่มองตาก็รู้ใจ” หรือ When you say nothing at all ของ โรแนน คีตติ้ง ทำให้ข่าวลือ ข่าววิเคราะห์​เกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ตีความกันไปวุ่นวาย มลายหายไปแทบจะหมดสิ้น โดยเฉพาะการขบเหลี่ยมกันระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย โดยข่าวใหม่ที่ออกมาคือ ข่าว “สมประโยชน์”  “ครูใหญ่บ้านเกิดลิซ่า” ดอดเข้าพบ “นายใหญ่บ้านต้นสัปดาห์” จัดสรรอำนาจกันไปเรียบร้อย 

1.ประเด็นดึงกัญชากลับบัญชียาเสพติด ซึ่งเพื่อไทยเปิดประเด็น ตั้งแต่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม แม้จะเป็นหัวหน้าพรรคประชาชาติ แต่ก็เสมือนเป็นตัวแทนเพื่อไทยที่ชายแดนใต้ แล้วตามด้วยความเห็นของ"นายกฯเศรษฐา" กระทั่งมีการเขย่าต่อเนื่องผ่าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข 

ปรากฏว่าก่อนมี “ปฏิญญาเขาใหญ่” คุณอนุทินเล่นบทโหด เตรียมโหวตสวนในที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด แถมมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะกรรมการ ป.ป.ส. รับลูก แสดงความข้องใจที่มติกลับไปกลับมา 

ล่าสุด ประเด็นกัญชา น่าจะออก “สายกลาง” คือคณะกรรมการ ป.ป.ส. อาจจะดึงเรื่องให้ทบทวน แล้วเสนอใหม่ ออกเป็นกฎหมายควบคุมการใช้กัญชา กัญชง ในแนว “บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น” คือไม่ดึงกลับบัญชียาเสพติด แต่มีมาตรการเข้ม “ควบคุมการใช้” หรืออีกแนวทาง คือ หากดึงกัญชากลับบัญชียาเสพติด ก็ต้องมีอะไรแลก ตามที่พรรคภูมิใจไทยมองว่า “คุ้มที่จะเสีย” ไม่ชัดว่า ชัยชนะเรื่อง “รถไฟฟ้าสายสีส้ม” อยู่ในดีลต่อรองนี้ด้วยหรือไม่ 

2.นโยบายเรือธงต่างๆ น่าจะได้รับความมั่นใจว่า “ไปต่อได้” และ “รอดแน่” เพื่อให้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค โดยเฉพาะภูมิใจไทย โหวตสนับสนุน 

กรณี "ดิจิทัลวอลเล็ต" สัญญาณดีมาตั้งแต่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ผ่านวาระแรกแบบ “ฉลุย” แล้ว 

นอกจากนั้นยังมีนโยบายเช่าที่ดิน 99 ปี และให้ต่างชาติถือครองคอนโดฯได้ 75% ซึ่งภูมิใจไทยมีท่าทีคัดค้าน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีการออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับ  “Destination Thailand Visa หรือ DTV ” ออกมา เป็นการให้วีซ่าระยะยาว 5 ปี พำนักได้คราวละ 180 วัน สำหรับใครก็ได้ที่ต้องการเข้าไทย ไม่ว่าจะเรียนมวยไทย ทำอาหาร หรือทำงานทางไกล มีหลักทรัพย์ค้ำประกันแค่ 500,000 บาท กรณีนี้มีกลุ่มชาวต่างชาติบางกลุ่มที่ได้ประโยชน์ชัดเจน ทำให้มีคนมองโยงไปถึงยุคจัดหาวัคซีนโควิด ชื่อ “ซิโนแวค” 

3.”สว.สีน้ำเงิน” สุดท้ายไม่มีตามล้างตามเช็ค แต่แบ่งสภากันดูแล 

• เพื่อไทย - เป็นผู้นำฝ่ายบริหาร คุมเสียงข้างมากสภาล่าง 
• ภูมิใจไทย - คุม สว.สายสีน้ำเงิน ยึดสภาสูง 

โหวตกฎหมาย กรรมการองค์กรอิสระ หรือผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญ ก็ว่ากันเป็นคราวๆ เป็นอีเวนท์ๆ ไป เจรจากันได้ตามสถานการณ์ แต่ภาพที่ชัดเจนคือ เพื่อไทยไม่ได้คุมสองสภา และ “ระบอบทักษิณ” ไม่ได้กลับมา 

4.นอกเหนือจากภูมิใจไทย การพบเจอกับนักธุรกิจใหญ่ ถึงขั้นไปออกรอบตีกอล์ฟร่วมกัน ก็ชัดว่าปัญหาคาใจก่อนหน้านี้ที่ “เนชั่นทีวี” เคยรายงานเอาไว้ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ก็น่าจะจบลงได้ด้วยดี 

5.การเมืองโคราช น่าจะปิดจ๊อบ เป็นโมเดลนำร่อง “อัมโนสไตล์ไทย” จากที่เคยขัดแย้ง ห้ำหั่นกันเอง โดยเฉพาะเพื่อไทยกับภูมิใจไทย ถึงขนาดมีแคมเปญเมื่อปี 66 ว่า “ภูมิใจไทยต้องเป็น 0” 

• เขตเมือง - ดึงนายสุวัจน์ จากชาติพัฒนา เข้าชายคาเพื่อไทย 
• เขตรอบนอก - จุดที่เป็นเขตอิทธิพลของภูมิใจไทย ก็หลีกกัน หรือจับมือกันถล่มค่ายส้ม
• เขตเพื่อไทย - ที่ได้อยู่แล้วก็รักษาเอาไว้ (เพื่อไทย 12 ภูมิใจไทย 1 ก้าวไกล 3 รวมทั้งหมด 16 เขต) 

ทั้งหมดนี้อาจจะส่วนใหญ่หรือบางส่วนของ “ปฏิญญาเขาใหญ่” ณ ปี 2024 ตามที่สื่อมวลชนเรียกขานกัน