svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

สองพี่น้องนักการเมืองดัง “มาโนช-เทพไท “ ได้ถอดกำไล EM แล้ว

สองพี่น้องนักการเมืองตระกูลดังเมืองคอน ”มาโนช-เทพไท” ได้ถอดกำไล EM แล้ว หลังครบกำหนดรับโทษจำคุก 2 ปี คดีทุจริตการเลือกตั้ง อบจ. ทำเอาน้ำตาคลอเบ้า

จากกรณี นายมาโนช เสนพงศ์ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช และนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช (พี่ชายนายมาโนช) ถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา และตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี กรณีทุจริตการเลือกตั้ง อบจ.นครศรีธรรมราช  ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2565 และรับโทษจำคุก 16 เดือน หรือ 2 ใน 3 ตามเงื่อนไข ต่อมาเมื่อ 6 พ.ย.2566  กรมราชทัณฑ์ ได้พิจารณาพักโทษ ด้วยการให้ใส่กำไล EM  โดยนายมาโนช ไปรายงานตัวที่สำนักงานคุมประพฤตินครศรีธรรมราช ส่วนนายเทพไท ไปที่ สนง.คุมประพฤติที่กรุเทพฯ เนื่องจากทะเบียนบ้านอยู่ในเขตหลักสี่ กรุงเทพฯ และวันที่ 6 ก.ค.นี้ เป็นครบกำหนดโทษจำคุก2ปี และครบกำหนดให้ใส่กำไลEM ระหว่างพักโทษ

วันที่ 6 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์บริการงานกรมคุมประพฤติ ตึกเอ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาถอดกำไล EM กับพนักงานคุมประพฤติ สำนักงานกรมคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร 11 เนื่องจากผู้อุปการะของผู้ได้รับการพักโทษ คือ ภรรยาของนายเทพไท มีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เมื่อครบกำหนดจึงมาถอดกำไล EM สถานที่ดังกล่าว

สองพี่น้องนักการเมืองดัง “มาโนช-เทพไท “ ได้ถอดกำไล EM แล้ว

นายเทพไท เสนพงศ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการถูกคุมขัง รวมระยะเวลา 2 ปี และได้รับการพักเป็นเวลา 8 เดือน จึงเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตั้งแต่เมื่อวาน (5 ก.ค.2567) เพื่อรายงานตัว แต่วันนี้ซึ่งเป็นวันครบกำหนด 2 ปี ตรงกับวันหยุดราชการจึงให้มาถอดกำไล EM โดยช่วง 2 ปี ตนไม่ได้สิทธิลดโทษ ปฏิบัติตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์และกรมคุมประพฤติอย่างเคร่งครัด

 

สองพี่น้องนักการเมืองดัง “มาโนช-เทพไท “ ได้ถอดกำไล EM แล้ว

ทั้งนี้ ระหว่างอยู่ในเรือนจำนครศรีธรรมราช ต้องขอบคุณ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.ยุติธรรม ณ ขณะนั้น , พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม คนปัจจุบัน ที่ประสานการพักโทษให้ , นายณรงค์ หนูคง อดีต ผบ.เรือนจำนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่เรือนจำทุกนาย

นายเทพไท กล่าวอีกว่า ระหว่างที่ตนอยู่ในเรือนจำ ได้มีพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ วันที่ 28 ก.ค.2565 แต่ตนไม่ได้รับ เพราะมีเงื่อนไขต้องจำคุก 1 ใน 3 ก่อน จนอยู่ครบ 8 เดือน (1 ใน 3 ของการรับโทษ) ราชทัณฑ์มีระเบียบว่าถ้าจำคุก 1 ใน 3 จะได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ แต่ตนก็ไม่ได้สิทธิ กระทั่งมาถึงวันที่ 22 ส.ค.2566 นายทักษิณ ชินวัตร กลับมาประเทศไทย เพื่อรับโทษและขอพระราชทานอภัยโทษ ตนก็ใช้สิทธิเหมือนกับนายทักษิณ เนื่องจากนายทักษิณ ใช้เหตุผล 4 ข้อ คือ

1.เป็นนักการเมืองทำงานเพื่อประเทศชาติ ตนก็เคยเป็นนักการเมือง เป็น ส.ส. ร่วม 20 ปี

2.อ้างว่าความจงรักภักดีต่อสถาบัน ตนก็มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเช่นกัน ไม่มีคดี ม.112 เหมือนนายทักษิณ และระหว่างเป็นนักการเมือง จัดรายการสายล่อฟ้าปกป้องสถาบัน

3.อ้างว่าเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม แต่นายทักษิณ หนีคดี 17 ปี แต่ตนไม่เคยหนีคดีเลย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม 3 ศาล ภายในปีเดียวจบ ไม่มีการเลื่อนแต่อย่างใด

4.อ้างว่า นายทักษิณ อายุมาก มีโรคประจำตัว ตนก็อายุ 60 ปีแล้ว ก็มีโรคความดัน คอเลสเตอรอลสูง กรดไหลย้อน มีโรคประจำตัวเหมือนกับนายทักษิณ

นอกจากนี้ นายทักษิณ เคยโดนคดีทุจริตคอรัปชั่น แต่ตนผิดคดีการเลือกตั้งท้องถิ่น ข้อหาจัดเลี้ยงข้าวกำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเห็นว่าตนมีเหตุผลเพียงพอที่ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษได้

อย่างไรก็ตาม นายทักษิณ ใช้เวลา 2 วัน กระบวนการอภัยโทษก็เสร็จสิ้น ส่วนตนใช้เวลาถึง 2 ปี จนขณะนี้ไม่รู้ว่าเรื่องดำเนินการไปถึงไหน ฉะนั้น เห็นได้ชัดว่า ตนกับนายทักษิณ มีความเป็น 2 มาตรฐานแตกต่างกัน ไม่ต้องเทียบกับนักโทษทั่วไป ลูกชาวบ้านแทบไม่ได้รับสิทธิอะไรอยู่แล้ว นี้คือความเลื่อมล้ำของกระบวนการยุติธรรม

ที่ผ่านมา ตนอยู่ในเรือนจำตามกำหนดโทษ แต่นายทักษิณ อยู่โรงพยาบาลตำรวจ อ้างว่าป่วย เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องตรวจสอบว่าป่วยจริงหรือไม่  ซึ่งการที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ออกมาให้สัมภาษณ์กรณีเข้าพบ นายทักษิณ ที่โรงพยาบาล และขอร้องให้ถอนฟ้อง นายเศรษฐา ทวีสิน แสดงว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยหนัก มีสติสัมปชัญญะครบ สามารถสั่งการเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ และอยากให้ตรวจสอบว่ามีบุคคลภายนอกอื่นเข้าเยี่ยมอีกหรือไม่ จากกล้องวงจรปิด หรือรายงานจากกรมราชทัณฑ์

ทั้งนี้ แสดงว่า นายทักษิณ เป็นผู้มีอำนาจสั่งการรัฐบาลชุดนี้ รวมทั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้รับโทรศัพท์จาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอให้ถอนฟ้อง นายเศรษฐา แสดงว่า นายเศรษฐา เป็นร่างทรงให้ นายทักษิณ หากมีอิสระในการบริหารประเทศจจริง นายทักษิณ คงไม่มาแทรกแซง ยิ่งกว่าไข่ในหิน ได้รับการทะนุถนอมจากนายทักษิณ

ตนยืนยันว่าเป็นคนธรรมดา ชาวบ้านติดกำไล EM และมารายงานตัวตามกำหนดครบทุกครั้ง ส่วนนายทักษิณ ครบโทษวันอาทิตย์ ออกวันนั้นเลย ตนครบโทษวันเสาร์ ต้องออกวันจันทร์ อ้างว่าเป็นวันหยุดราชการ ตนจึงขอเรียกร้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะกรณีนายทักษิณชัดเจนที่สุด รวมทั้งกรณี "แป้ง นาโหนด" เคยออกมาพูด ถึงกระบวนการยุติธรรมว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ตั้งแต่ชั้นตำรวจ อัยการ ศาล และเรือนจำ คนกลับ เชื่อ “แป้ง นาโหนด” มากกว่าเจ้าหน้าที่

การที่ออกมาพูดถึง นายทักษิณ ไม่ได้โจมตี แค่เปรียบเทียบว่าการปฏิบัติกับ นายทักษิณ และ ตนหรือนักโทษคนอื่นๆ มันแตกต่างกันอย่างไร มีการแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เพราะตนมีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้ และเป็นนักโทษเหมือนกัน ถูกคุมขังในช่วงระยะเวลาเดียวกัน เพราะนักโทษคนอื่นในเรือนจำไม่สามารถมีสิทธิพูดเหมือนกับตน จึงเป็นตัวแทนสะท้อนความรู้สึกออกมา ตนได้แต่งเพลง “กูคือนักโทษเทวดา” กับ “คุกมีไว้ขังคนจน” ยืนยันไม่ได้มีอคติส่วนตัวกับนายทักษิณ

ส่วนประเด็นที่ นายทักษิณ ร่วมงานบวชที่ จ.ปทุมธานี ก่อนหน้านี้ เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองแต่ก่อนเดินทางกลับประเทศบอกว่า จะมาเลี้ยงหลาน เชื่อว่าหลังจากวันที่ 22 ส.ค.2567 นายทักษิณ ได้รับการปล่อยตัว และจะมีการเคลื่อนไหวมากกว่านี้

สำหรับเรื่องการใส่รองเท้า 2 สีของตนนั้น ใส่มานานแล้ว ไม่มีนัยยะอะไร ไม่ได้เจาะจงให้เห็นกำไล EM แต่เป็นกุศโลบายส่วนตัว เพราะเวลาไปทำบุญต้องถอดรองเท้าเข้าวัดก็มักจะหายบ่อย จึงใส่รองเท้า 2 สี จะได้ไม่หาย เพราะคนขโมยจะหาคู่รองเท้าไม่เจอ

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้มีอิสระที่สมบูรณ์ สามารถเคลื่อนไหวได้ทุกเรื่อง ยินดีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน พร้อมตอบได้ทุกที่ทุกประเด็น

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00น.  นายมาโนช เสนพงศ์ ได้เดินทางไปยังสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้เจ้าหน้าที่คุมประพฤติฯ ถอดกำหนดEM หลังครบกำหนดแล้ว

โดย นายมาโนช มีสีหน้าดีใจจนน้ำตาคลอเบ้า หลังจนพ้นโทษเบ็ดเสร็จเป็นอิสระแล้ว พร้อมกันนี้ นายมาโนช ได้กล่าวขอบคุณ ประชาชนชาวนครศรีธรรมราชทุกคน ที่มีความเป็นห่วงและแสดงความยินดีหลังตนและนายเทพไทได้พ้นโทษในครั้งนี้ ส่วนอนาคตทางการเมืองของตนทั้ง2คงจะยังไม่ทำอะไร เพราะศาลฎีกาได้สิทธิทางการเมือง10ปี

แต่ในส่วนของคนในตระกูลเสนพงษ์ จะหารือกันต่อไปว่าจะเอายังไงต่อไป ตอนนี้ยังตอบอะไรไม่ได้ ขอให้เป็เรื่องของอนาคตดีกว่า