3 พฤศจิกายน 2566 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ออกมาโพสเฟซบุ๊ก ประกาศจะหยุดร่วมกิจกรรมพรรค หลังผิดหวังที่มติพรรคไม่ขับ ส.ส.ที่ทำผิดวินัยร้ายแรงคุกคามทางเพศ
โดยนายสามารถ มองว่า คดีของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. เป็นเพียงการกล่าวหาทางโซเซียล และพูดถึงกันภายในพรรคก้าวไกลเท่านั้น หากตำรวจยังไม่ดำเนินคดี หลักกระบวนการยุติธรรม ทุกคนยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าคำพิพากษาจะถึงที่สุด
ต่างจากคดีของ “ไอซ์ รัชนก”ที่ตกเป็นผู้ต้องหาต้องคดี ม.112 เป็นคดีความมั่นคงหมิ่นสถาบันฯ ซึ่งถือว่ารุนแรงกว่า และที่สำคัญคดีมีการส่งฟ้องเป็นที่เรียบร้อย และมีการนัดขึ้นศาลในวันที่ 14 ธันวาคมที่กำลังจะถึงนี้ ก็ยังไม่เห็น น.ส.รัชนก ลาออก แต่กลับนำมาตราฐานไปกดดันเรียกร้องคนอื่นทำตามโดยไม่ได้แสดงความรับผิดชอบคดีของตัวเองให้เห็นเป็นตัวอย่างก่อน
“ผมว่า ไอซ์ มีปัญหาทางความคิด เพราะคุณไอซ์เองถูกตำรวจดำเนินคดี อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องขึ้นศาลแล้ว คุณไอซ์ก็ไม่เห็นลาออกแต่กลับไปไล่คนอื่น ทั้งๆที่คดีของ ส.ส.ท่านอื่น ตำรวจยังไม่ฟ้อง อัยการก็ยังไม่ได้ตรวจสำนวน ถ้านำมาเทียบเคียงคดีขอคุณไอซ์ หนักกว่าเขาอีก แต่คุณไอซ์กลับมากดดันเรียกร้องให้คนอื่นทำตาม ผมคิดว่า มันไม่ใช่ การเคารพสิทธิ์ไม่ใช่เรื่องมาตราฐาน คุณไอซ์เอามาตราฐานวัดคนอื่น แต่ลืมวัดตัวเอง คุณไอซ์ ยังไม่รู้สึกตัวแสดงสปิริตลาออกเลยถ้าคุณไอซ์ยื่นใบลาออกจาก ส.ส. สร้างเป็นบรรทัดฐานน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี ว่าคนมีคดีความไม่ควรเป็นตัวแทนประชาชน แบบนี้ถึงจะมีน้ำหนัก ไม่งั้นจะเข้าตำรา ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง “ นายสามารถ กล่าว
ทั้งนี้นายสามารถ ยังเรียกร้องให้นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ในฐานะประธาน สส.กทม. เข้ามาเป็นกาวใจ และ เป็นพี่ใหญ่ให้ความยุติธรรมกับส.ส.ทุกคน เพราะยังเชื่อมั่นว่า ส.ส.ภายในพรรคก้าวไกลยังมีคนมีคดีดีอีกเยอะ ดังนั้นที่ควรยึดบรรทัดฐานให้ทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับ ส.ส. เป็นมาตราฐานเดียวกันเรื่องนี้หากกรรรมการบริหารเคารพสิทธิ์คนอื่นก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ไม่ใช่เรื่องนี้ผิด อีกเรื่องไม่ผิด ทั้งที่มันมีมาตรฐานของสังคมอยู่ ตามหลักนิติธรรม นิติรัฐ