19 กันยายน 2566 น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขานายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร ชี้แจงกรณี นายกรัฐมนตรีและคณะเช่าเหมาลำเครื่องบิน เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ว่า การเช่าเหมาลำในครั้งนี้ ได้เปรียบเทียบปัจจัยหลายอย่าง โดยมี 2 ทางเลือกคือ ใช้เครื่องบินจากกองทัพอากาศ และการใช้บริการเช่าเหมาลำเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งสายการบินไทยเสนออยู่ที่ 25 ล้านบาท แต่สาเหตุที่ขึ้นราคาเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากมีการขยับตัวของราคาน้ำมัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบแล้วเครื่องบินของกองทัพอากาศที่เรียกว่า รุ่นแอร์บัส 350 เสนอราคาอยู่ที่ 32 ล้านบาท โดยยังไม่ได้รวมถึงค่าน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น มี First class 6 ที่นั่ง และ Business class 30 ที่นั่ง ซึ่งสามารถใช้งานได้จริงเพียง 15 ที่นั่ง หากรวมแล้วราคาค่าใช้จ่าอาจพุ่งสูงถึง 40 ล้านบาท
แต่ปัจจัยสำคัญ เมื่อเทียบราคากองทัพอากาศเสนอราคาสูงกว่าของการบินไทย และกองทัพอากาศไม่สามารถรับประกันได้ว่า เมื่อถึงเวลาการเดินทาง หากกองทัพอากาศติดภารกิจไม่สามารถให้บริการได้ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาตามมา ส่วนสาเหตุที่เลือกการบินไทย นอกจากราคาต่ำกว่ากองทัพอากาศแล้ว ยังเป็นการบินตรง กรุงเทพฯ- นิวยอร์ก และการบริการเป็นแบบที่ดำเนินการให้กับหน่วยงานราชการ ในเรื่องราคาก็เป็นไปตามจริง
ส่วนเรื่องค่าอาหาร บริษัทการบินไทยคิดอัตราราคาค่าอาหารตามผู้โดยสารปกติ ของเครื่องบินพาณิชย์ทั่วไป และต้องเข้าใจว่า อาหารที่เสริมบนเครื่องบิน ไม่ใช่อาหารที่รับประทานโดยทั่วไป ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบให้ถูกสุขลักษณะและปลอดภัย จึงมีราคาสูงกว่าอาหารทั่วไป ดังนั้นค่าอาหารที่เฉลี่ยราคาประมาณ 1.5 ล้านบาท กับผู้โดยสาร 50 คน เฉลี่ยรายละประมาณ 30,000 บาท ซึ่งเมื่อคิดไป-กลับจะตกหัวละประมาณ 3,000 บาท เป็นราคาปกติตามมาตรฐานที่ให้บริการ
ส่วนคณะที่เดินทางไปกับนายกรัฐมนตรีจะมี 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นทางการ และส่วนที่ติดเครื่องมาเช่น บุตรสาวของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ออกค่าใช้จ่ายเอง ทั้งค่าเครื่องบินค่าอาหาร และค่าที่พัก ไม่ได้ใช้งบราชการแม้แต่บาทเดียว และสาเหตุที่บุตรสาวของนายกรัฐมนตรีเดินทางมาด้วย ในฐานะที่เป็นผู้ติดตามคู่สมรสนายกรัฐมนตรี เพราะสหรัฐอเมริกาเชิญคู่สมรสมาด้วย และมีภารกิจ เช่น จะไปดูศูนย์บริการผู้สูงวัยของสหรัฐฯ และเยี่ยมชุมชนไทยในสหรัฐฯ โดยบุตรสาวจะมาช่วยศึกษาและดูแล เนื่องจากไทยมีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการผู้สูงวัย แต่ไม่มีภารกิจใดๆที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของนายกรัฐมนตรี
น.ส.นัทรียา กล่าวต่อ ยืนยันว่าการเดินทางของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ไม่ได้มีภาคเอกชนเดินทางร่วมคณะบนเครื่องบินเช่าเหมาลำด้วย แต่มาเองตามคำเชิญของสหรัฐอเมริกา โดยประเทศไทยได้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ในฐานะผู้นำที่สหรัฐฯเชิญ ซึ่งจะมีการใช้ระบบการรักษาความปลอดภัย Secret Service มาจากโฮมแลนด์ ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีมาเครื่องบินพาณิชย์ที่มีผู้โดยสารอื่นร่วม อาจเกิดความไม่พอใจ และเสียค่าชดใช้อย่างแน่นอน เพราะเครื่องที่มาจะต้องจอดตรงหลุมจอดกลาง Secret service Clear ทำให้ผู้โดยสารอื่นต้องรอ