"ทำทันที" นโยบายเดิมพัน-ความคาดหวังรัฐบาล "เศรษฐา"
เพียงการประชุม ครม.นัดแรก ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงสไตล์การทำงานแบบเปิดเกมเร็วของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ได้เป็นอย่างดี เพราะหันไปทางไหน ก็เจอแต่คำว่า "ทำทันที" แม้บางนโยบายจะถูกตั้งคำถามกลับ เรื่องของแหล่งที่มางบประมาณ และความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดขึ้นได้จริงก็ตาม
23 ส.ค.66 ทำทันที เรื่องเงินดิจิทัล วอลเลต
30 ส.ค.66 “ทันทีครับทันที ประกาศทันทีและขอดูขั้นตอนนิดหนึ่ง” เรื่องลดค่าพลังงาน
6 ก.ย.66 ประชุม ครม. เรื่องค่ารถไฟฟ้า 20 บาท
"ทำทันที" เป็นอีกวลีดังสุดฮิต ณ เวลานี้ ที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ใช้กับนโยบายเร่งด่วน ซึ่งได้ประกาศไว้ก่อนเข้ารับตำแหน่ง จนมาถึงการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อต้นสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 11 และ 12 กันยายน 2566
ความคาดหวังของประชาชน ต่อคำมั่นสัญญา ของรัฐบาลเศรษฐา นำมาสู่การตั้งคำถามโดยผู้แทนราษฎร ถึงความเป็นไปได้ตลอดจนแหล่งที่มา ของเงินงบประมาณ ว่าจะจัดสรรและดำเนินการอย่างไรให้เป็นไปตามนโยบาย
กว่า 1 สัปดาห์ หลังมีรัฐบาลใหม่ แน่นอนว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดปฐมฤกษ์นี้ ต้องถูกจับจ้อง ว่านโยบายแรกๆ ที่ถูกหยิบยกเข้าสู่ที่ประชุมเป็นวาระเร่งด่วน จะเป็นเรื่องอะไรบ้างและจะมีมติออกมาอย่างไร รวมถึงเรื่องการกำหนดกรอบระยะเวลา ที่มีความคาดหวังของประชาชนเป็นเดิมพัน
โดยเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา มีความชัดเจน เมื่อการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกเสร็จสิ้น ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดเกมเร็ว เคาะ นโยบายไฮไลต์ การลดราคาน้ำมันดีเซล 2 บาท 50 สตางค์ มีผล 20 กันยายนที่จะถึงนี้ รวมถึงค่าไฟฟ้า ที่จะปรับลดลงเหลือ 4 บาท 10 สตางค์ ต่อหน่วย จากเดิมอยู่ที่ 4 บาท 45 สตางค์ เริ่มบิลแรกเดือนกันยายนนี้ เช่นเดียวกับนโยบายฟรีวีซ่า ที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 - 29 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อหวังดึงรายได้เข้าประเทศ
ขณะที่นโยบายสำคัญ อย่าง เงิน Digital wallet 1 หมื่นบาท การพักหนี้เกษตรกรและธุรกิจขนาดเล็ก เป็นระยะเวลา 3 ปี และ ค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ยังต้องรอตั้งคณะกรรมการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการวางกรอบระยะเวลาให้เหมาะสม รวมถึงวินัยการเงินการคลัง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องคำนึงถึง
"เรื่องของเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทนั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ไปตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง วางกรอบระยะเวลาให้เหมาะสม ยืนยันว่าการใช้เงินจะต้องไม่ให้เป็นภาระหนี้สาธารณะ โดยจะเลือกใช้เงินงบประมาณเป็นหลักและจะไม่มีการกู้เงินเพิ่ม" นายจุลพันธ์ กล่าว
ท้ายที่สุดแล้ว ยังคงต้องติดตามกันต่อ ว่า นโยบายเร่งด่วนเหล่านี้ จะตอบโจทย์ การแก้ปัญหาปากท้องประชาชนมากน้อยแค่ไหน และรัฐบาลจะตีความคำว่าเหมาะสมจากอะไร หรือบางนโยบาย จะไม่ตรงปก ขายฝัน เหมือนที่ฝ่ายค้านปรามาสไว้
เพราะหากทำไม่ได้ตามคำมั่นสัญญาที่เคยลั่นวาจาไว้ วลีดังที่ว่า "ทำทันที" จากปากของผู้นำประเทศ ก็คงไร้ค่าความหมาย และประชาชนตาดำๆ ก็คงจะต้องรอคอยด้วยความหวังกันต่อไป...
