30 สิงหาคม 2566 ภายหลังปรากฎข่าว ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ลาออกจาก สส. และได้รับการยืนยันเป็นที่แน่ชัด ต่อมาพรรคได้มีการส่งข้อความผ่านกลุ่มไลน์สื่อมวลชนพรรคเสีรวมไทย ยืนยันถึงเหตุผลที่ตัดสินใจลาออก
โดยระบุข้อความว่า เรียน สื่อมวลชนทุกท่านทราบ ตามที่หลายสื่อสนใจติดต่อสอบถามมาเรื่องการลาออกจากการเป็น สส. ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส นั้น ท่านได้ยื่นหนังสือแก่สภา ในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม โดยให้มีผลวันที่ 1 กันยายน นั่นหมายความว่า วันที่ท่านใส่ชุดปกติขาวไปที่พรรคเพื่อไทยนั้น
จึงขอเรียนแจ้งทุกท่านทราบว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะอยู่ตรงไหน ก็จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติเหมือนเดิมต่อไป นั่นคือ อุดมการ์ของอดีตข้าราชการวัย 75
แต่เพียงเพราะว่า ครั้งนี้ได้ สส. เพียงที่เดียว จึงไม่อาจขับเคลื่อนงานในสภาให้ดีได้อย่างที่คิด จึงลาออกแต่ใช้เวลาขับเคลื่อนงาน ตรวจสอบคนทุจริตต่อไป ท่านได้ลาออกแล้ว ซึ่งการได้ตำแหน่งหรือไม่ สำหรับท่านไม่ได้มีส่วนในการตัดสินใจ แค่หวังส่งเพื่อนให้ตั้งรัฐบาลได้และประเทศไปต่อได้ จะเห็นได้จากครั้งรัฐบาลที่แล้วที่เสนอตัวเลขพร้อมตำแหน่งมา ก็ไม่ได้สนใจใดๆ
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส แถลงเปิดใจถึงกรณีการลาออกจากตำแหน่ง สส. โดยระบุตอนหนึ่งว่า เป็นการเสียสละ เป็นความตั้งใจของตัวเอง หลังจากที่ช่วยเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยสามารถตั้งรัฐบาลด้วยการจับมือกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และรวมเสียงสนับสนุนให้นายเศรษฐา ทวีสิน ได้เป็นนายกฯ ก่อนระบุ "ผมถือว่าภารกิจของผมที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยเสร็จแล้ว ผมก็จบแล้ว เพราะได้ทำหน้าที่ทั้งสนับสนุนและยกมือโหวตให้นายเศรษฐา ในวันที่ 22 ส.ค. ได้บรรลุผลแล้ว"
ซึ่งขณะนี้การจัดสรรโควต้ารัฐมนตรีของรัฐบาลเพื่อไทย ยังมีการแย่งกระทรวงกันอยู่เลย "เหมือนหมาแย่งชามข้าว" นักการเมืองไทยมีแต่ซื้อสิทธิขายเสียงกันหมด ไม่ได้มีความชอบธรรม แต่สื่อฯก็เชียร์กัน ไปให้ความสำคัญในเรื่องโควต้ารมต. โดยมองว่าผู้นำบ้านเมืองที่ดีต้องมีคุณธรรมไม่เอาเปรียบลูกน้อง คำว่าผู้นำไม่ว่าจะเป็นรมต.หรือนายกฯ ต้องรู้จักสร้างคนให้มีความรู้ มีความสามารถ และต้องมีจิตใจที่กล้าเสียสละต่อลูกน้องด้วย
ยืนยันว่า ไม่ได้ผิดหวังอะไร ส่วนตัวไม่เคยมีสัญญาใจใด ๆ กับพรรคเพื่อไทยเพื่อขอแลกกับตำแหน่งทางการเมือง มีแต่พรรคก้าวไกลที่เข้ามาเสนอตำแหน่งให้ มีคนมาบอกว่าตนมีอคติกับก้าวไกล หักหลักต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งตนอยากจะพูดความจริงว่า พรรคก้าวไกลยังดีกับตนมากกว่าพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ ไม่ใช่เล่นการเมืองแบบกูไม่ได้มึงก็ต้องไม่ได้ด้วย อีกทั้งการจะแต่งตั้งรมต. ไม่ใช่จะตั้งใครมาก็ได้ บางคนไม่มีความรู้ความสามารถ หรือมีประสบการณ์ในเนื้องาน บางคนเคยติดคุกมาก่อน รวมถึงเคยต้องคดี แต่งตั้งลูกน้องตนที่เป็นตำรวจไปเป็นรมต.ศึกษาฯ ทำได้ไง
"พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ว่าที่รองนายกฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็เคยถูกให้ออกจากราชการ ข้อหาประพฤติชั่วร้ายด้วย หลังปฎิบัติหน้าที่เป็นเหตุให้มีคนตายจำนวนมาก ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้ามามีอำนาจในยุคคสช. เปลี่ยนดำให้เป็นขาว เช่นเดียวกับอดีตนายกฯทักษิณ ก็ไม่ต่างกันมาก เพราะเคยต้องคำพิพากษามากมาย คนเหล่านี้เคยมีความผิดติดตัวกันทั้งนั้น ผมอยากเห็นคนดีปกครองบ้านเมืองก็เท่านั้น" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว