11 สิงหาคม 2566 นายอนุชา นาคาศัย ในฐานะสส.ชัยนาท พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) อดีตกลุ่มสามมิตร กล่าวถึงกรณี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคเพื่อไทยและอดีตแกนนำกลุ่มสามมิตร เปิดประตูให้ พรรค รวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) เข้าร่วมรัฐบาลด้วยกันทั้งพรรคว่า เป็นเรื่องกรรมการบริหารพรรคที่จะพูดคุย ตนไม่ทราบอะไร เพราะไม่ได้เป็น กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) จะเกิดอะไรเป็นเรื่องกก.บห.และตนยินดีทำตามมติที่จะดำเนินการทางการเมืองต่อไป ทุกอย่างเป็นหน้าที่กก.บห.เชื่อว่าเร่งพิจารณาอยู่แล้ว
ส่วนจะไปทั้งพรรคหรือไม่ หากได้เข้าร่วมรัฐบาล นายอนุชา ระบุว่า อยู่ที่กก.บห. ส่วนสมาชิกไม่มีปัญหา พร้อมยอมรับว่าได้พูดคุยกับนายสมศักดิ์ ถึงแนวทางการที่จะไปร่วมรัฐบาล แต่ไม่ได้ลงลึก เมื่ออยู่คนละพรรคการพูดคุยเกี่ยวกับกรอบการเมืองต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้การดำเนินการทางการเมืองเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีเรื่องอะไรเคลือบแคลงสงสัย
เมื่อถามว่า หากไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย จะสามารถผลักดันนโยบายของพรรค รทสช.ได้ทั้งหมดหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า การเป็นพรรคร่วมต้องยอมรับว่ามีกรอบ ต่างฝ่ายต้องเดินตามกรอบตัวเอง ต้องร่วมมือและคุยกันให้ตกผลึกในการดำเนินนโยบายแต่ละอย่าง และเป็นปกติของนโยบายหลายพรรค เชื่อว่าทุกรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็หวังดีต่อบ้านเมืองทั้งนั้น และคิดว่าการผลักดันนโยบายไม่มีปัญหา
ส่วนครั้งหน้าจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เคยคิดอยู่แล้ว และมีความสุขกับงานที่ทำทุกอย่าง ตนเป็นคนพูดน้อย แต่ตั้งใจทำงานให้เป็นรูปธรรม
ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดตัวสนับสนุนรัฐบาลเพื่อไทยไปแล้ว ถ้าพรรครทสช.ออกตัวช้า จะตกขบวนหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ไม่เป็นไร ถือเป็นเรื่องที่ดี ทุกอย่างถ้ามองเป็นเรื่องดีก็ดีหมด ถ้ามองลบก็ลบ ตนมองโลกในแง่บวก ไม่เคยตำหนิใคร ทุกอย่างต้องเดินหน้าไม่เช่นนั้นจะดึงกันไปมา ประเทศเดินไม่ได้ ถ้าเอาเรื่องเล็กน้อยมาเป็นประเด็น บ้านเมืองก็เดินไม่ได้
ตอนนี้ทุกอย่างไปเร็ว ถ้าเอาเรื่องเล็กน้อยมาพูดกัน จะขัดขวางการดำเนินการ ฉะนั้นจะทำอะไรก็ทำเลย จะสำเร็จหรือไม่เป็นอีกเรื่อง ถ้าสำเร็จก็เป็นผลดีกับประเทศชาติ ถ้าไม่สำเร็จประชาชนจะตัดสินใจ การเมืองควรอยู่ในบริบทที่เป็นบวกบ้าง ทั้งนี้ตกขบวนไม่เป็นไร เพราะถือว่าทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน มั่นใจว่า ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม จะได้รัฐบาลชุดใหม่
ส่วนกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลรักษาการไม่ควรจะพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ควรรอให้มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดำเนินการ นายอนุชา ชี้แจงว่า การแต่งตั้งโยกย้าย เป็นเรื่องของอธิบดีที่เกษียณอายุราชการแล้ว จึงต้องรีบแต่งตั้ง มิเช่นนั้นงานเดินไม่ได้ แต่งตั้งเฉพาะผู้ที่เกษียณที่จำเป็นต้องทำงาน ไม่ใช่แต่งตั้งหมด อย่างอื่นไม่มีการโยกย้ายอยู่แล้ว ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ทหาร เป็นสิทธิ์ของรัฐบาลเก่า
ส่วนข้อกังวลว่า หากมีการแต่งตั้งข้าราชการในช่วงนี้กลัวว่า จะวางคนของตัวเองเอาไว้ นายอนุชา กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันเลย คนเราถ้าดีจงมั่นใจว่า ใครก็มาทำงานด้วยได้ สำหรับตนไม่มีปัญหา ทำงานกับใครก็ได้ เพราะราชการก็อยากจะช่วยทุกคนอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่ารัฐมนตรีที่ไปอยู่ในตำแหน่ง จะทำงานร่วมกับเขาได้หรือไม่ ต้องมองตัวเอง
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวยอมรับว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้มาพูดคุยให้ไปร่วมรัฐบาล แม้จะอยู่คนละพรรค แต่ความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิม ซึ่งมีกิจกรรมฟุตบอลที่ทำร่วมกันอยู่แล้ว เจอกันในสนามฟุตบอล และคุยกันเรื่องการเมือง
เรื่องหมดเป็นไปตามที่นายสมศักดิ์ได้ให้สัมภาษณ์ หากจะไป ก็ไปทั้งพรรค แต่ตนไม่ได้อยู่ในวงเจรจาของพรรค ตนก็ได้ส่งสัญญานไปทางหัวหน้าเเละเลขาธิการพรรคแล้ว และยืนยันว่าไม่ทราบว่าพรรคเพื่อไทยประสานอย่างเป็นทางการแล้วหรือไม่ เพราะหัวหน้าพรรคไม่ได้บอก ซึ่งหากพรรคมีมติอย่างไร ก็พร้อมปฏิบัติตาม ทั้งนี้เชื่อว่าจากบริบทต่างๆเชื่อว่าการเมืองใกล้จบแล้ว อีกไม่นานก็จะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่
นายธนกร ปฏิเสธว่าการที่จะร่วมรัฐบาล ไม่มีเงื่อนไขว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ จะต้องได้เก้าอี้รัฐมนตรี ซึ่งไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล เชื่อว่า สส.ทั้ง 36 คนของพรรค ก็ทำหน้าที่ได้ดี แต่เชื่อว่าไม่มีการเจรจาต่อรองเก้าอี้
“แม้ภายในพรรคจะมีความเห็นต่างกันบ้าง แต่เชื่อว่าคุยกันได้ ไม่มีงูเห่า งูจงอาง” นายธนกร กล่าว
ส่วนกรณีที่นายนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ออกมาระบุ พปชร.พร้อมโหวตให้พรรคเพื่อไทย ถือเป็นการชิงความได้เปรียบทางการเมืองหรือไม่ นายธนกร กล่าว่า เป็นความชัดเจน ที่มีการเจรจากันอยู่แล้ว จะตอบให้หล่อให้สวยอย่างไร ตนก็ไม่ไปก้าวล่วง
ทั้งนี้ความชัดเจนในการร่วมรัฐบาล ควรเกิดก่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องที่ทราบกันดีว่า จะต้องมีการพูดคุยกันก่อน และจบตามกระบวนการ
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยประกาศสลายขั้วทางการเมือง เพื่อตั้งรัฐบาลพิเศษนั้น นายธนกร กล่าวว่า ในเวลานี้ต้องเห็นใจพรรคเพื่อไทย เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง แต่ส่วนตัวมองว่า ความขัดแย้งควรยุติลงได้แล้ว ไม่ว่าพรรคการเมืองใดควรร่วมมือกันบริหารประเทศ ตั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล นำสิ่งดีๆที่พล.อ.ประยุทธ์ได้วางรากฐานไว้มาต่อยอด และทำตามแนวทางที่ได้วางไว้ประเทศชาติจะเจริญ
“อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่า พรรคก้าวไกล ต้องยอมรับในกระบวนการ ไม่ใช่ว่ามีเสียงข้างมากแล้ว จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อจัดตั้งขึ้นรัฐบาลไม่ได้ พรรคอันดับสองก็ต้องขึ้นมาเป็นแกนนำ ตามกลไกรัฐธรรมนูญ ตามกติกาสากล บางพรรคก็เหมาะที่จะเป็นฝ่ายค้าน เพราะเก่งด้านการตรวจสอบ” นายธนกร กล่าว