"ตอนที่ผม ติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องมานอนรพ.ราชทัณฑ์ รู้สึกหดหู่ เห็นนักโทษเสียชีวิต คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เมื่อครั้งเป็นนักโทษ ยังทำหน้าที่คอยเข็นเตียง ฉะนั้น กรณีคุณทักษิณ หากคิดรักษาตัวรพ.ราชทัณฑ์ ต้องได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับทุกคน เว้นเสียแต่พิสูจน์ได้ว่าเป็นโรคร้ายแรงจริงๆ จึงส่งต่อไปรพ.ภายนอก "
"จตุพร พรหมพันธุ์" เล่าประสบการณ์การอยู่ในเรือนจำ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทักษิณเปลี่ยนแผนไม่กลับเมืองไทย
31 กรกฎาคม 2566 "นายจตุพร พรหมพันธุ์ " แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน เปิดเผยผ่าน"เนชั่นทีวีออนไลน์" โดยยืนยันว่า "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ไม่กลับเมืองไทย ตามที่ประกาศไว้วันที่ 10 สิงหาคมนี้แน่นอน
"ด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องการการกลับมาแบบเท่ๆไม่ต้องติดคุก จะไม่มีข่าวดีแบบนั้น เพราะข่าวดีที่คิด มักจะตามมาด้วยข่าวร้ายเสมอ เนื่องจากการกลับมาต้องเข้าสู่เรือนจำสถานเดียว" นายจตุพร กล่าว
"แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน" เปิดเผยว่า เมื่อสิบปีที่แล้ว เคยอยู่ร่วมทีมงานเสนอความเห็น"นายทักษิณ"ให้กลับมารับโทษ แต่มีคนเสนอว่า ถ้ากลับมาติดคุก เพียงแค่วันเดียวจะถูกฆ่าตายจากคนที่เกี่ยวข้องคดีตัดตอนยาเสพติดที่เขาโกรธแค้น ทำให้"ทักษิณ" เลือกออกนอกประเทศอีกครั้ง อ้างว่าไปดูโอลิมปิกส์
ต่อมาช่วง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เป็นนายกฯบริหารประเทศ ทีมงานก็เสนอกันว่า รอให้รัฐบาล"ยิ่งลักษณ์"มีเสถียรภาพแข็งแรงก่อนแล้วค่อยเดินทางกลับช่วงนั้น แต่จู่ๆรัฐบาล"ยิ่งลักษณ์"ดันเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม เจอปัญหาจนได้ เพราะมีการชุมนุมต่อต้านครั้งใหญ่
"นายจตุพร" ยังได้กล่าวถึงเหตุผลลึกๆ ที่ทักษิณไม่กลับประเทศไทยวันที่ 10 สิงหาคมนั้น เพราะนายทักษิณไม่ประสงค์ติดคุกแม้แต่วันเดียว กรณีโทษจำคุกนายทักษิณที่กำหนดไว้ 10 ปีนั้น หากเดินทางกลับมารับโทษ ศาลจะมีวิธีการนับโทษต่อ ไม่ใช้นับโทษพร้อมทั้งหมด กล่าวคือ คดีแรกที่จำคุกสองปี อาจได้ลดโทษครึ่งหนึ่ง เหลือหนึ่งปี และยังมีอีกสองคดี ที่มีโทษจำคุก 3 ปี และ 5 ปีอีก เพราะฉะนั้น ถ้ามีการพระราชทานอภัยโทษ ก็จะต้องติดคุกไม่ต่ำกว่า 3 ปี
"ที่ผ่านมา การถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษส่วนบุคคลนั้น บุตรธิดาสามารถยื่นถวายฏีกาโดยมีขั้นตอนและตีกลับเพื่อขอให้รัฐบาลถวายความเห็นที่ผ่านมา ไม่เคยเห็น คดีทุจริตทำได้"
ส่วนการขอพระราชทานอภัยโทษรวม ต้องมาพิจารณา โทษอัตราสูง จะต้องติดคุกหนึ่งในสาม ถึงได้พระราชทานอภัยโทษและต้องดูพรฎ.อภัยโทษแต่ละปีด้วย เพราะในรายละเอียดก็ไม่เหมือนกัน
"นายจตุพร" ยังเล่าประสบการณ์เมื่อครั้งถูกจำคุก และป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด ทางราชทัณฑ์ได้นำตัวไปรักษาที่รพ.ราชทัณฑ์ ซึ่งรพ.ไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศ หรืออยู่อย่างสบาย
"ตอนที่ผมเป็นนักโทษป่วยเพราะติดเชื้อกระแสเลือด ต้องมานอนรพ.ราชทัณฑ์ รู้สึกหดหู่ เห็นนักโทษเสียชีวิต คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เมื่อครั้งเป็นนักโทษ ยังทำหน้าที่คอยเข็นเตียงผู้เสียชีวิต ฉะนั้น กรณีคุณทักษิณ หากคิดว่ามารักษาตัวรพ.ราชทัณฑ์ ก็ต้องได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับทุกคน เว้นเสียแต่พิสูจน์ได้ว่าเป็นโรคร้ายแรงจริงๆ จึงส่งต่อไปรพ.ภายนอก "
"นายจตุพร" ยังได้กล่าวยืนยันว่า ในวันที่ 10 สิงหา ถ้าเครื่องบินลงจอด ปรากฎร่าง"นายทักษิณ ชินวัตร" ขอให้รถทัวร์มาหาตนเองเลยจะประณามหยามเหยียดอย่างไรก็ได้ ไม่เป็นไร และพร้อมเอ่ยวาจาขอโทษทุกท่าน แต่ผมเชื่อนาทีนี้ 10 สิงหาเครื่องไม่ลง เพราะการที่บอกว่า มาไม่ติดคุก ไม่มีอยู่จริง
ส่วนกรณีการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาโหวตนายกฯในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ "นายจตุพร" ยังได้ยืนยันว่า จะยังไม่ได้นายกฯ มีกรณีเดียวคือ "สูตรข้ามขั้ว"โดยเพื่อไทยไม่มีก้าวไกล ถ้าเพื่อไทยไม่ข้ามขั้วไม่มีทางได้นายกฯ
อย่างไรก็ตาม การข้ามขั้วจะเกิดวิกฤต มวลชนเต็มท้องถนน เหมือนเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 เพราะอารมณความรู้สึกประชาชน เห็นว่า เป็นการตระบัดสัตย์ ผิดสัญญาประชาชน ยิ่งการจะเสนอให้ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" เป็นนายกฯ จะเท่ากับการปลุกม็อบมาอย่างรวดเร็ว
"ผมพยายามเสนอทุกฝ่ายประชุม ทั้งซีกจัดตั้งรัฐบาล 132 เสียง และซีกรัฐบาลเดิม 188 เสียง รวมถึง สว.และ" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกฯที่ประกาศวางมือทางการเมืองแล้ว ให้ประชุมหาทางออก ถ้าไม่มีทางออก เสนอยุบสภาอีกรอบ ให้ประชาชนตัดสินใจอีกรอบ และสว.แสดงเจตนารมย์ไม่โหวต ลองคิดดู คุณจะคืนอำนาจประชาชน หรือจะคืนอำนาจให้ทหารเข้ามายึดอำนาจอีกรอบจะเอาอย่างไร
"ณ วันนี้ไม่มีใครสมควรสักคนได้เป็นนายกฯ ไม่ว่าใครมาเป็นผิดตระบัดสัตย์ประชาชน ฉะนั้นจงคืนอำนาจให้ประชาชน ยอมเสียงบประมาณหกพันล้าน แต่หากข้ามขั้ว ประเทศชาติจะมีความเสียหายอีกล้านล้านบาท ให้พิจารณากันดู" "นายจตุพร" กล่าวย้ำ