svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

จาก “มันจบแล้วครับนาย” ถึง “ไล่หนูตีงูเห่า” ก้าวไกล

พูดกันแบบไม่อ้อมค้อม การเปิดบ้านเพื่อไทยต้อนรับพรรคการเมืองต่างๆเมื่อวานนี้ ไม่ต่างอะไรกับการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล

เป็นละครฉากหนึ่งในการรวมขั้วตั้ง “รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของเพื่อไทย” ไม่ใช่การเจรจาขอเสียงไปโหวตสนับสนุนให้แคนดิเดตของเพื่อไทยเป็นนายกฯในวันที่ 27 ก.ค.นี้ ตามมติของ “8 พรรคร่วมฯ” เท่านั้น

ภาพที่ออกมาต้องบอกว่า “การเมืองไทย...เรื่องจริงยิ่งกว่าละครน้ำเน่าหลังข่าว” โดยเฉพาะภาพชนแก้วกาแฟระหว่างแกนนำเพื่อไทยกับแกนนำภูมิใจไทย เพราะสองพรรคนี้ เป็นที่รู้กันดีว่า “ยืนคนละฝั่ง” กันมาโดยตลอด ตั้งแต่ภูมิใจไทยริเริ่มตั้งพรรค

ก่อนเลือกตั้ง เป็นที่ทราบกันดีว่า ใครที่เดินทางไปพบ “คนแดนไกล” ไม่ว่าจะที่ดูไบ ฮ่องกง หรือสิงคโปร์ เมื่อถามถึงภูมิใจไทย จะได้รับคำตอบเหมือนกันว่า “เป็นพรรคสุดท้ายที่จะเลือก” หรือ “ถ้าเลือกได้ ก็จะไม่เลือกมาร่วมรัฐบาล”

แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงคราวจะขอเสียงตั้งรัฐบาลจริงๆ พรรคภูมิใจไทยกลับเป็นพรรคแรกที่เพื่อไทยส่งเทียบเชิญ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเป็นพรรค ส.ส.อันดับ 3 ด้วย

 

เหตุใดพรรคภูมิใจไทยจึงไม่ถูกเลือก หรืออยู่ในคิวท้ายๆ ที่จะเลือก จากคำตอบของ “คนแดนไกล - เจ้าของพรรคตัวจริงของเพื่อไทย”

คำตอบก็คือ บาดแผลทางการเมืองที่เคยฝากเอาไว้ ยังเจ็บไม่หายจนถึงปัจจุบัน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2551 พรรคพลังประชาชน (พรรคใหม่ของไทยรักไทยหลังถูกยุบ) หลังเลือกตั้งปลายปี 2550 (การเลือกตั้งครั้งแรกหลังรัฐประหารปี 2549) พรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

  • สมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค ได้เป็นนายกฯ
  • โดนคดีจัดรายการทำกับข้าวออกทีวี (ชิมไปบ่นไป) โดนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน
  • สมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยทักษิณ ขึ้นมาเป็นนายกฯแทน (ชินวัตรรุ่น 2)
  • พรรคพลังประชาชนโดนยุบ สมชายถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ทำให้ขาดคุณสมบัติ ตกเก้าอี้
  • “กลุ่มเพื่อนเนวิน” ที่เคยสนับสนุนรัฐบาลพลังประชาชน รวบรวม ส.ส.อย่างน้อยที่สุด 24 คน พลิกขั้วไปสนับสนุน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในขณะนั้น ขึ้นเป็นนายกฯ
  • มีการเปิดเผยในภายหลังว่า พล.อ.อนุพงษ์​ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในขณะนั้น เรียกเนวิน และแกนนำกลุ่มเข้าพบในค่ายทหาร ก่อนเกิดการพลิกขั้วครั้งประวัติศาสตร์การเมืองไทย เรียกว่างูเห่ายังน้อยไป ต้องเป็น “อนาคอนด้า”
  • มีข่าวว่า “คนแดนไกล” ซึ่งขณะนั้นพำนักอยู่ต่างแดนแล้ว พยายามติดต่อเพื่อสอบถาม และเคลียร์เรื่องนี้ ปรากฏได้รับคำตอบอันลือลั่นจากคุณเนวินว่า “มันจบแล้วครับนาย”

นี่เองที่ทำให้ทักษิณฝังแค้น เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ต้องยุบสภาในอีก 2 ปีเศษต่อมา และพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยไม่เลือกพรรคภูมิใจไทยมาร่วม โดนผลักให้ไปเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์

 

สถานการณ์ที่ทำให้ “คนแดนไกล” ยิ่งต้องปฏิเสธพรรคภูมิใจไทย  นอกจากประวัติศาสตร์บาดแผลในอดีต ที่เป็นดั่ง “น้ำผึ้งขม” แล้ว อีกส่วนหนึ่งยังเป็นเพราะการพยายามฟาดฟันแย่งชิงพื้นที่ ส.ส.อีสานระหว่างกัน เพราะฐานเสียงทับซ้อนกัน

“คนแดนไกล” ก็อยากตีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ให้แตก ขณะที่พรรคภูมิใจไทยก็หวังเจาะพื้นที่ฐานเสียงของเพื่อไทย ตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2554 / ปี 2562 / โดยเฉพาะปี 2562  “คนแดนไกล” พยายามบอนไซพรรคภูมิใจไทยให้เล็กที่สุด เป็นพรรค 30 เสียง จะได้ไม่เป็นตัวแปรทางการเมือง แต่ด้วยอานิสงส์บัตรใบเดียว ทำให้ภูมิใจไทยได้ ส.ส.มากกว่าครึ่งร้อย ในปี 2562

และล่าสุดหลังจากครองอำนาจ 4 ปีเต็ม คุมกระทรวงเกรด A++ จัดสรรผลประโยชน์กันลงตัว  ภูมิใจไทยจึงเปิดเกมใหญ่ ดูด ส.ส.หวังสร้างให้พรรคตัวเองเป็นพรรคร้อยเสียง เล่นเอาพรรคเพื่อไทยสะเทือน ต้องจัดกิจกรรม “ไล่หนูตีงูเห่า” อันลือลั่น โดยเฉพาะที่ศรีสะเกษ และอีกหลายจังหวัดในภาคอีสาน

ส.ส.อีสาน “ตัวตึง” ของเพื่อไทย ก็รังเกียจพรรคภูมิใจไทย เพราะเป็นคู่แข่งในสนามเลือกตั้ง  แถมยังทุ่มไม่อั้น ตามนโยบาย “ตอกเสาเข็ม” ขณะที่เพื่อไทย  “คนแดนไกล” มั่นใจกระแส ปล่อยให้ผู้สมัครบ้านใหญ่อีสาน “ดูแลตัวเอง” ทำให้เหนื่อยหนัก  ฉะนั้นหากเลือกได้ ส.ส.อีสานของเพื่อไทย ย่อมไม่อยากได้ภูมิใจไทยมาร่วมรัฐบาล 

แต่ผลการเลือกตั้งปี 2566 ภูมิใจไทยได้มา 71 เสียง แม้จะพลาดเป้า “พรรคร้อยเสียง” แต่ก็ยังมากพอที่จะเป็นพรรคอันดับ 3 และมีขนาดที่เหมาะกับการเป็น “ตัวแปรทางการเมือง” โดยเฉพาะเมื่อพรรคอันดับ 1 กับ 2 ชนะกันไม่ขาด (ก้าวไกล กับภูมิใจไทย) ทำให้วันนี้ เพื่อไทยส่งเทียบเชิญมาเจรจาเป็นพรรคแรก

 

ความน่าสนใจของประวัติศาสตร์การเมืองอยู่ตรงนี้

  • ปี 2551 เนวิน พลิกขั้วพาพรรคพวกไปจับมือกับประชาธิปัตย์ได้ ทั้งๆ ที่เป็นคู่แค้นกันมาก่อน เคยอภิปรายกรณี ส.ป.ก.4-01 จนรัฐบาลล้ม ต้องยุบสภา
  • คนที่ตกเป็นเป้าอภิปรายหนักที่สุด คือ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต รมช.เกษตรฯ ซึ่งตอนพลิกขั้ว เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โดยทั้งสุเทพ และเนวิน ต้องบอกว่า อดีตแทบไม่เผาผีกัน แต่สุดท้ายกลับต้องมาร่วมงานกัน และเป็นพันธมิตรกันในทางการเมือง

จากประวัติศาสตร์การเมืองช่วงนั้น อาจนำมาอธิบายปรากฏการณ์ภูมิใจไทยชนแก้วกาแฟกับเพื่อไทยในวันนี้ได้เหมือนกัน