svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ชลน่าน" แย้มถ้าได้เป็นแกนนำรัฐบาล ต้องรื้อ MOU อาจมีพรรค 9-10

18 กรกฎาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

"ชลน่าน" แย้มถ้าได้เป็นแกนนำรัฐบาล ต้องรื้อ MOU อาจมีพรรค 9-10 ชี้ ต้องให้"ก้าวไกล" เป็นผู้แถลง หวั่นถูกครหาดี๊ด๊าเกิน ระบุ ยืนยันพรุ่งนี้เสนอชื่อ "พิธา"แน่นอน ยังไม่คอนเฟิร์ม "เศรษฐา" ชิงนายกฯ

18 กรกฎาคม 2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีโลกโซเชียลกดดันสมาชิกวุฒิสภาว่า สว.หลายท่านได้รับผลกระทบ  สว.มีเอกสิทธิ์ในการอภิปราย ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้สมาชิกรัฐสภาหลายคนมีความห่วงใย และกังวลต่อการทำหน้าที่ ขณะนี้กำลังหาทางออกให้กับสมาชิกทุกฝ่าย ทั้ง 749 คน หากมีทางออกที่ดีก็จะได้รับการคุ้มครอง ทั้งนี้ในความเป็นจริงเสียงของประชาชนเป็นหลักอยู่แล้ว และไม่มีใครปฏิเสธ แต่การละเมิดสิทธิ์ ไม่ว่าใครกระทำก็ล้วนไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ดังนั้นการประชุมพรุ่งนี้(19 ก.ค.) จึงมีข้อหาหรือว่า จะทำอย่างไรทำให้การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น ตรวจผลการหารือวันนี้(18 ก.ค.) มีความเห็นไปสองฝ่ายในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ฝ่ายที่ 1 นำกฎหมายมาเป็นตัวตั้ง ไม่ได้นำข้อเท็จจริง และเหตุผลอื่นว่า จะโหวตได้ หรือไม่ได้ ซึ่งฝ่ายหนึ่งเห็นว่า ไม่เห็นชอบข้อบังคับที่ 41 ว่าญัตติใดที่ตกไปแล้วห้ามนำมาเสนอซ้ำ เว้นแต่ประธานสภาอนุญาต

และอีกฝั่งหนึ่งเห็นว่า เป็นการนำเสนอตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นข้อถกเถียงดังกล่าว จึงขึ้นอยู่กับประธานสภาว่า หากมีการเสนอจะมีการลงมติอย่างไร หากที่ประชุมเห็นชอบก็เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล และโหวตต่อได้ แต่ถ้าหากที่ประชุมไม่เห็นชอบ การโหวต ชื่อนายพิธาก็จะถูกตีตกไป

เมื่อผู้เสื่อข่าวถามว่า หากญัตติของนายพิธา ถูกตีตก พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อซ้อนเลยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องแยกกัน เพราะมติ 8 พรรคร่วมออกมาแล้วว่า จะเสนอชื่อนายพิธา ซึ่ง 8 พรรคร่วมจะต้องมีการนัดประชุมใหม่

ส่วนกรณีคะแนนเสียงที่มีนัยยะสำคัญตามที่นายพิธา ระบุ จะต้องเท่าไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ที่ประชุมระหว่าง 2 พรรคมีการหารือร่วมกันว่าคะแนนเสียงเพิ่ม อย่างมีนัยยะสำคัญต้องมีมากกว่า 10 เปอร์เซนต์ หากนับเป็นเสียงจะอยู่ที่ 360 เสียง หรือ 370 เสียง ก็ไม่ติดใจ และยินดีให้พยายามโหวตอีกเป็นครั้งที่ 3 หากมีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น ดังนั้นหากคิดแบบเร็วๆตามที่นายพิธาบอกจะต้องได้ 356 เสียง หรือ 360 เสียง

ส่วนหากคะแนนเสียงไม่ถึง พรรคเพื่อไทยจะเป็นผู้เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต่อเลยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องให้พรรคก้าวไกลเป็นผู้ประกาศ พรรคเพื่อไทยจะทึกทักทำเองไม่ได้ แต่ก็มีกระบวนการภายในพรรค ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็มีความพร้อม โดยจะมีการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อเตรียมเสนอแคนดิเดตในสภา

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ที่สำคัญหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลายเรื่องอาจจะต้องเปลี่ยนแปลง เช่น ข้อตกลงใน MOU เดิมลงนามไว้ 8 พรรค เนื้อหาสาระจะต้องมีการเปลี่ยน แต่ก็ยังคำนึงถึงเนื้อหาเดิมอยู่ โดยไม่ได้ยกเลิก และสิทธิ์ในการเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็จะต้องพูดคุยใน 8 พรรค เช่น การเติมเสียงพรรคที่ 9 และพรรคที่ 10 และกระบวนการหาเสียงกับสว. ก็ต้องใช้เวลา ซึ่งหากประธานสภามีการนัดประชุมเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี ในสัปดาห์ถัดไปพรรคเพื่อไทยก็พร้อม

ส่วนกรณีที่สว.บอกว่า เมื่อมีพรรคก้าวไกลอย่างไรก็ไม่โหวตให้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงสถานการณ์สมมติ กระบวนการการได้มาของเสียง 375 เสียง จะต้องขึ้นอยู่บนพื้นฐาน 8 พรรคร่วมมีความคิดเห็นอย่างไร และสิทธิ์ของเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำมีสิทธิ์มากขนาดไหน และสิ่งที่ต้องฟัง คือ ความเป็นไปได้ของสว.ว่ามีความคิดเห็นอย่างไร และเงื่อนไขอย่างไรต้องนำมาประกอบ

นพ.ชลน่าน กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่า เป็นเพียงความเห็นของน.ส.แพทองธาร ซึ่งเรื่องดังกล่าว ยังต้องนำเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคอีกครั้ง ซึ่งจะมีการประชุมในบ่ายวันนี้ ซึ่งเป็นการเตรียมการณ์ภายใน แต่อย่างไรก็ต้องรอผลโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 19 กรกฎาคม ซึ่งตัวเองจะไม่พูดข้ามขั้นตอนวันดังกล่าว เพราะต้องรักษามารยาท เดี๋ยวจะถูกหาว่า เพือไทยกระดี๊กระด๊า อย่างไรก็ตามความชอบธรรมนั้นจะต้องรอให้ การแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ จากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก่อน พรรคเพื่อไทยถึงจะมีความชอบธรรมในการดำเนินการทุกอย่างได้

logoline
News Hub