15 กรกฎาคม 2566 "นายชัยธวัช ตุลาธน" ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงผลการหารือร่วมกับพรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้ (14ก.ค.) ว่า พรรคก้าวไกลได้ยืนยันว่าจะเสนอชื่อ "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล อีกครั้งในการประชุมสภา วันที่ 19 ก.ค.นี้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะนำไปหารือ โดยการพูดคุยเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา มีหลายเรื่อง เช่น หาแนวทางป้องกัน เพราะมีกระแสข่าวว่า ส.ว.บางคน พยายามเสนอให้มีการตีความข้อบังคับการประชุมของรัฐสภา ว่าการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จะสามารถทำซ้ำได้หรือไม่
ทั้งนี้ ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่า ไม่สามารถตีความข้อคับเหล่านั้นได้ เพราะข้อบังคับนั้นมีไว้ใช้สำหรับญัตติทั่วไปเท่านั้น แต่การเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นกรณีเฉพาะ ซึ่งกำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญว่า หากไม่สามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำได้ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาในอนาคตได้ หรือที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากเสียงข้างน้อยมาแข่ง รวมทั้งยังพูดคุยถึงการหาเสียงสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นด้วย
ส่วนกระแสข่าวจะมีการเสนอชื่อ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อแข่งกับนายพิธานั้น ในวันที่ 19 ก.ค.นั้น ยอมรับว่า มีการหารือกรณีนี้เช่นกัน ซึ่งก็เป็นภารกิจของทั้ง 8 พรรค โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ที่จะต้องจับมือกันให้แน่น เพื่อไม่ให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการนัดประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ในช่วงเช้าวันที่ 18 ก.ค.ที่รัฐสภา เพื่อประสานงานและพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน
อย่างไรก็ตาม หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในสัปดาห์หน้า จะกระทบต่อการโหวตนายกฯ หรือไม่นั้น ยังไม่ได้คุยเรื่องดังกล่าว เข้าใจดีอยู่แล้วว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน อย่างเมื่อตอนปี 2562 "นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็ยังสามารถเสนอชื่อและโหวตในสภาได้ตามปกติ และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน ไม่ว่าใครก็ตามที่มีข้อกล่าวหา ก็ต้องถือหลักสันนิษฐานไปก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยถึงที่สุด
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. นายชัยธวัช ระบุว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ขัดข้อง เพราะที่ผ่านมาเคยผลักดันเรื่องนี้มาแล้วหลายครั้ง ทั้งนี้ระยะเวลาจะทันหรือไม่ เพราะอาจต้องใช้ระยะเวลากว่า 4 เดือนถึงจะแก้ไขสำเร็จ ก็ไม่ได้ขนาดนั้น แต่ต้องเข้าใจว่า เป็นข้อเสนอที่เป็นทางเลือก คู่ขนานไปกับกระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะไม่รู้ว่าการเลือกนายกฯ จะต้องเลือกอีกกี่ครั้ง
"ถ้าหากโหวต 3-4 ครั้ง ก็ใช้ระยะเวลาเป็นเดือนแล้ว จึงเสนอทางออกว่า ถ้าหาก ส.ว. เองไม่ประสงค์จะใช้สิทธิ์ หรือประสงค์จะงดออกเสียง หรือจะไม่เข้าประชุม กรณีแบบนี้จะนำไปสู่ทางตันทางการเมือง และถ้าหากสามารถนัดประชุมได้เร็ว ซึ่งถือเป็นอำนาจของประธานสภา หากผ่านวาระ 1 ได้ ถ้าหากเร่งรีบจริง ก็จะใช้เวลาเพียง 3-4 สัปดาห์ ก็แล้วเสร็จ" นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามว่า ในวาระ 1 ต้องใช้เสียงส.ว. 84 เสียง นายชัยธวัช กล่าวว่า ในอดีตมี ส.ว. ที่เคยโหวตให้ปิดสวิตช์ ส.ว. 60 กว่าคน และมีส.ว.โหวตให้นายพิธา อีก 10 กว่าคน หรือบางคนที่ไม่ได้มาร่วมประชุม หรือตั้งใจจะไม่ใช้สิทธิ์ใช้เสียง ทางนี้ก็อาจจะเป็นทางที่ส.ว.สบายใจ โดยไม่ต้องลงเสียงที่ขัดต่อความคิด ขณะเดียวกัน ก็ไม่ไปขัดขวางผลการเลือกตั้ง ซึ่งส่วนตัวก็เชื่อว่าจะเป็นทางออกอีกทางหนึ่ง และเป็นทางเลือกในอีกทางหนึ่งทางการเมืองที่ทำคู่ขนานไปได้
เมื่อถามต่อว่า ทีมเจรจานอกจากจะขอเสียงส.ว.ในการโหวตนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงขอเสนอ ส.ว. ในการโหวตเพื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ด้วยหรือไม่ นายชัยธวัช ตอบว่า ก็สามารถเจรจาควบคู่กันไปได้
ส่วนการที่ "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวศ" หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุเงื่อนไขพร้อมร่วมรัฐบาลกับทุกพรรค ยกเว้น "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" จะเป็นสัญญาณแตกแถว 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายชัยธวัช บอกว่า อย่าเพิ่งตีความแบบนั้น เพราะใน 8 พรรคร่วม ก็จะต้องมีการพูดคุย และประเมินสถานการณ์เป็นระยะ อาจจะมีข้อเสนอใหม่ๆเข้ามา เพื่อให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลได้จริง ย้ำว่าทุกข้อเสนอ และทุกความคิดเห็น สามารถนำมาถกเถียงแลกเปลี่ยนกันได้