15 กรกฎาคม 2566 "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส" ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลนัดหารือเพื่อหาทางออกเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีเย็นวานนี้ (14ก.ค.) หลังหลายฝ่ายกังวลว่าหากเสนอชื่อ "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพียงคนเดียวอาจจะไม่ผ่านการโหวตนั้น ซึ่งในฐานะที่เป็น 1 ใน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล มองว่าเสนอชื่ออื่นด้วยหรือจะเสนอกี่คนก็ได้ทั้งนั้น
ทั้งนี้ เพราะไม่มีข้อบังคับ จะมีคนเสนอชื่อใหม่เป็น "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ หรือ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นมาก็ได้ หรือจะเสนอชื่อของนายพิธา อีกก็ได้
อย่างไรก็ตาม ข้อบังคับที่ ส.ว. นำมาอ้างนั้น เป็นข้อบังคับเกี่ยวกับการประชุมรัฐสภา เป็นคนละส่วนกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เวลาอ่านหนังสือต้องอ่านให้ครบ ต้องอ่านทั้งเล่มไม่ใช่อ่านข้อเดียวแล้วมาคุย ถ้าอ่านข้อเดียว ก็จะเจอข้อที่ 41 ที่กำหนดไว้ว่าญัตติที่เสนอไปแล้ว ถูกตีตกห้ามนำญัตติเดิมมาพิจารณาใหม่ เว้นแต่ประธานสภาจะอนุญาต แต่จะเถียงกันอย่างไรก็เป็นอำนาจของประธานสภา
ส่วนข้อกังวลหรือไม่หากส.ส. และ ส.ว. อภิปรายจนทำให้ ไม่สามารถเลือกนายกฯ ได้ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ อาจนำไปสู่ปัญหาอื่นนั้น ถ้าตนเป็นประธานสภาจะไม่ให้อภิปรายแล้ว เพราะอภิปรายกันไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะพูด อภิปรายซ้ำๆ เดิมๆ ครั้งที่แล้วก็เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่กลับอภิปรายเรื่องมาตรา 112 มันไม่ใช่ ตนก็เลยต้องอภิปรายตามไปด้วย เพราะคนยังไม่เข้าใจเรื่องมาตรา 112 ทั้งส.ว. และ ส.ส. มีความรู้ขนาดไหนก็ไม่เข้าใจ ความจริงมาตรา 112 เป็นกฎหมายอาญาถึงอย่างไรก็แก้ได้ตามรัฐธรรมนูญ และมีการแก้มาหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องอะไรแล้วมาแสดงความคิดเห็น
ส่วนในรอบที่ 2 จะเสนอชื่อนายพิธา ได้อีกหรือไม่ และหากไม่ได้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะทำอย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ก็ยังเสนอได้ นายพิธาไม่ได้หมดสิทธิ์ ใครก็เสนอได้ พรรคก้าวไกลจะเป็นผู้เสนอหรือตนเสนอก็ทำได้
เมื่อถามต่อว่าการโหวตรอบแรกเสียงของนายพิธายังไม่ได้ แล้วรอบ 2 จะได้หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า มีการเว้นระยะเวลาการโหวตทั้ง 2 ครั้งไว้ จากวันที่ 13 ก.ค. เป็นวันที่ 19 ก.ค. เพื่อให้มีเวลาประสาน พร้อมมองว่าพรรคก้าวไกลมีโอกาสไม่มาก เพราะส่วนใหญ่จะปิดกั้นตัวเอง นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ ไปยกมาตรฐานไว้สูงเลย
"ยกตัวอย่างเช่น พอมี 312 เสียง จะไปหาเพิ่ม ไปติดต่อพรรคชาติพัฒนากล้า ที่มี 2 เสียง แต่พอด้อมส้มทั้งหลายที่ไม่รู้เรื่องพูดมาหน่อย ก็ถ้อยแล้วไปฟังเสียงพวกนี้ทำไม พวกนี้มีอะไรกับพรรคก้าวไกล ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรหรอก ไปฟังใครก็ไม่รู้" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
ส่วนความเป็นไปได้ที่ 8 พรรคร่วมจะเสนอยุทธวิธีใหม่ ด้วยการเปลี่ยนชื่อแคนดิเดตนายกฯ เป็น "นายเศรษฐา ทวีสิน" หรือ "น.ส.แพทองธาร ชินวัตร" จากพรรคเพื่อไทย เพราะหากเป็นแคนดิเดตจากพรรคก้าวไกล จะไม่ได้เสียงของ ส.ว. อีก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ยังหรอก อย่างไรวันนั้นเพื่อไทยก็ยังไม่แข่งด้วย เปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกลอย่างเต็มที่ คบหากันมา คุยกันมา ทำ MOU กัน เพื่อเปิดสิทธิ์ให้พรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ ตนก็คิดอย่างนั้น เพื่อไทยก็คิดอย่างนั้น จะ 2 ครั้ง 3 ครั้ง 4 ครั้ง ก็ได้ พร้อมย้ำว่า วันที่ 19 ก.ค. อย่างไรก็เสนอพรรคก้าวไกลแน่ๆ เพื่อไทยก็ไม่แข่งด้วย
"หากในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ยังไม่ได้นายกรัฐมนตรี ทั้ง 2 พรรค ก็ต้องคุยกันว่าโหวต 2 ครั้งแล้วยังไม่ได้ ก้าวไกลจะถอยหรือไม่ ถ้าก้าวไกลถอย เพื่อไทยจะได้เสนอแคนดิเดต แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนไปเป็นเพื่อไทยในขั้นต้น พรรคเพื่อไทยก็จะยังต้องเอาพรรคก้าวไกลไว้ พูดมาตลอดจะเสียคำพูดได้อย่างไร เพราะหากเสียคำพูดก็คบกันไม่ได้ เพื่อไทยกับก้าวไกลต้องคุยกันไปเรื่อยๆ" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
ส่วนมองฉากทัศน์สถานการณ์ทางการเมืองอย่างไรหากเพื่อไทยและก้าวไกลแยกกัน ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน เพื่อไทยเป็นรัฐบาล เสรีรวมไทยจะมีจุดยื่นอย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ไปย้อนฟังการสัมภาษณ์ของตนได้ทุกครั้ง ตนบอกมาตลอดว่าไม่เอาเผด็จการ ไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้าเป็นพล.อ.ประวิตร เอาได้ คนมาวิพากษ์วิจารณ์ตน ก็จะเอาแล้วทำไม
"พอพล.อ.ประยุทธ์ไม่อยู่ ผมก็รวมได้หมด ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ ถ้าเขาไม่เอารวมไทยสร้างชาติ ผมก็รวมได้ ผมไม่ใช่คนปิดกั้นตัวเอง ผมเปิดได้หมด ก็ผมบอกว่าคนรัฐประหาร คือ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร เพียงแค่ถูกเชิญมาร่วมรัฐบาลเฉยๆ ก็ไม่ใช่คนรัฐประหาร" หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุ