8 มิถุนายน 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมคณะทำงานต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคก้าวไกล นำโดย นายรังสิมันต์ โรม, นายปกรณ์วุฒิ พิพัฒน์สกุล, นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, และ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ เดินทางเข้าพบ นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน
โดยทันทีที่พบกัน นายพิธา และนายวิเชียร ได้กำมือขวาทับมือซ้าย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ การต่อต้านคอร์รัปชัน ร่วมกัน
นายพิธา กล่าวระหว่างการหารือว่า ที่ผ่านมาการตรวจสอบหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคก้าวไกลได้ขอข้อมูลจาก ACT มาโดยตลอด อย่างเช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โครงการเสาไฟกินนรี เป็นต้น ซึ่งตลอด 4 ปีกับการทำหน้าที่ ส.ส. ได้เห็นการทุจริตคอร์รัปชันในรูปแบบต่างๆ และวันนี้ พรรคก้าวไกลอยากมารับฟังข้อเสนอแนะจากทาง ACT พร้อมนำเสนอนโยบายของพรรคก้าวไกล เพื่อนำไปสู่การต่อยอด แก้ปัญหาคอร์รัปชันที่มีในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน
ส่วนคณะทำงานเปลี่ยนผ่านด้านการทุจริตคอร์รัปชัน 8 พรรค ยังไม่เริ่มประชุมอย่างเป็นทางการ เนื่องจากผู้รับผิดชอบ ทั้ง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และ นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยังติดภารกิจอื่น ขณะเดียวกันก็เตรียมพูดคุยกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย รวมถึงพรรคเพื่อไทยด้วย เพื่อกำหนดนโยบายในการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันหลังการจัดตั้งรัฐบาล
นายพิธา ยืนยันอีกว่า พรรคก้าวไกลจะประสานหารือกับ ACT อีกครั้ง โดยการหารือครั้งหน้าจะนำคณะทำงานเปลี่ยนผ่านด้านทุจริตคอร์รัปชัน มาร่วมหารือด้วย เพราะมีโครงการจัดซื้อจัดจ้าง ของภาครัฐ มากกว่า 5,000,000 โครงการ หากไม่มีความโปร่งใส และไม่มี AI เข้ามาเสริม ก็จะไม่สามารถตรวจสอบได้ อย่างมีประสิทธิภาพ หรือสามารถทำงานเชิงรุกได้
สำหรับนโยบายของพรรคก้าวไกลที่นำมาเสนอวันนี้ เป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการภายใน 100 วัน โดยเฉพาะการบริหารงานในภาครัฐ ที่จะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ (AI) เข้ามาขับเคลื่อน รวมทั้งโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่จะอยู่ในระบบ ทำให้สามารถตรวจสอบได้ หากมีเทคโนโลยีเหล่านี้ จะทำให้การทำงานเป็นไปในเชิงรุกมากขึ้น ขณะเดียวกันอยากฟังข้อเสนอแนะจาก ACT ว่า จะให้รัฐบาลใหม่ช่วยอะไรบ้าง
ด้าน นายวิเชียร กล่าวว่า ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ใช่เรื่องใหม่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสินบนใต้โต๊ะ การส่งน้ำร้อนน้ำชา ไปจนถึงเรื่องใหญ่โครงการระดับชาติ ที่เป็นปัญหาเร่งด่วน แต่กระบวนการที่จะแก้ไขจัดการแบบประชาชนมีส่วนร่วม น่าจะเป็นเรื่องสำคัญในการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะพรรคการเมือง ต้องไม่ให้คนของตัวเองมาบั่นทอนความน่าเชื่อถือ ด้วยการสร้างปัญหาคอร์รัปชัน
หลังการหารือ 2 ชั่วโมงครึ่ง นายวิเชียร กล่าวว่า ดีใจที่มีพรรคการเมืองให้ความสนใจ และใส่ใจกับเรื่องของปัญหาทุจริตคอรัปชั่นและเชื่อว่าคงจะจริงจังในการหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดย ACT ในฐานะที่เป็นองค์กรภาคประชาชน และมีเครือข่ายของสมาชิก อยากจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของการเมือง ซึ่งนโยบายสำคัญในหลายเรื่อง การศึกษา สิ่งแวดล้อม การแก้ไขปัญหาความยากจน การแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจนั้น
จากการทำงานมา 10 กว่าปี เชื่อว่าไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากไม่เร่งแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน เราได้เสนอว่ากระบวนการสร้างการมีส่วนร่วม มีเครื่องมือการจัดการ การมีส่วนร่วมอย่างเป็นระบบ ดังนั้นคงเห็นโอกาสที่จะร่วมมือกันต่อไปในอนาคต ซึ่งคาดหวังได้จากเจตนารมณ์อย่างมุ่งมั่น ที่นายพิธาได้พูดหลายเรื่องที่เป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตามปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน มีหลากหลาย รูปแบบ ก็คงต้องติดตามและร่วมมือกันต่อไป
ด้านนายพิธา กล่าวว่า สาระสำคัญคือ ความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อเพิ่มดัชนี ในการต่อต้านการคอรัปชันให้ดีขึ้นโดยเร็ว จากที่เคยอยู่ในอันดับ 80 ซึ่งมีแผนที่จะทำ อะไรบ้างใน 100 วัน 1 ปี และ 4 ปี เพื่อให้ภาคดัชนีของคอร์รัปชันดีขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นเจตจำนงของประเทศไทย ในการดึงดูดนักลงทุน ซึ่งในการแลกเปลี่ยนกับเพื่อนส.ส. กำลังดูว่าสามารถแก้ไขกฎหมายข้อไหนในการต่อสู้กับคอร์รัปชัน โดยนำเทคโนโลยีมาสู้กับการคอร์รัปชัน เพราะบางครั้งยิ่งมีกฎหมายข้อบังคับมาก ก็จะเปิดช่องให้มีส่วย และคอร์รัปชันเช่นกัน
ทั้งนี้ แกนนำของพรรคก้าวไกล จะรวบรวมการทำงานในการต่อสู้คอร์รัปชัน ที่ได้รับโจทย์มาค่อนข้าง ชัดเจน 25 ข้อมูลของภาครัฐที่อยากให้เปิด แต่เข้าไม่ถึงในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา ค ราวนี้ขอให้เปิด เพื่อให้การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันดีขึ้น ก็จะไปดูว่าจะใช้อำนาจในการเปิดข้อมูลเหล่านี้ในส่วนไหนได้บ้าง
ส่วนโครงการไหนของรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่จะนำมาตรวจสอบหรือเช็คบิลนั้น นายพิธา กล่าวว่า จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเห็นว่า น่าจะมีเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน ปีละ 4-5 เรื่องหรือ ตลอด 4 ปี กว่า 20 เรื่อง รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีส้ม ก็จะได้กลับไปตามเรื่องต่อ หลังจากที่ยื่นเรื่องให้ป.ป.ช ไปแล้ว ทั้งนี้การตรวจสอบจะเป็นการสร้างระบบที่ยุติธรรม ทั้งกับรัฐบาลชุดก่อน และรัฐบาลของตน คงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องของการชำระแค้น พร้อมลดระบบการใช้ดุลยพินิจของรัฐและการผูกขาดเพื่อความโปร่งใส เปิดให้ติดตามการตรวจสอบ
เมื่อถามว่ามีแนวโน้ม ดำเนินการกับองค์กรอิสระ ที่ถูกมองว่าเป็นแดนสนธยา มีความโปร่งใสได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า หลายองค์กรในองค์กรอิสระไม่ได้อิสระจริง เพราะมาจากการแต่งตั้ง จึงเห็นว่ากรรมการในองค์กรอิสระ ควรจะมาจากการเลือกตั้ง และเรื่องนี้เป็น 1 ใน 300 นโยบาย ของรัฐบาลใหม่ที่จะต้องทำ
พร้อมย้ำว่า แนวคิดของเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวหรือรายบุคคล แต่เป็นเรื่องของที่มาที่ไปและการใช้อำนาจ โดยคณะกรรมการจะต้องมีที่มาหลากหลาย มีคนนอก มี ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล เพื่อให้มีความเป็นกลางมากที่สุด รับรองคนที่จะมาเป็นองค์กรอิสระ ซึ่งตรงนี้จะต้องแก้ไขกฎหมาย
นายพิธา ยังกล่าวถึงสิ่งแรกที่พรรคก้าวไกลจะแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชัน จะได้เห็นคือการเปิดเผยข้อมูลการประชุมรัฐสภา การพิจารณางบประมาณ ของคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ จะเปิดเผยไลฟ์สดได้ ถ้าเราเป็นรัฐบาล สามารถเปิดให้สื่อเข้าร่วมประชุม เพื่อให้การประชุมอยู่ในร่องรอย โดยไม่ต้องใช้ต้นทุน
ส่วนจะเปิดเผยงบลับของกระทรวงกลาโหมได้หรือไม่นั้น จะเปิดได้เท่าที่กฎหมายอนุญาต เพราะบางเรื่องอาจจะเป็นความลับของประเทศ ที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ นอกจากนี้กฎหมายของประเทศไทย อาจจะไม่สอดคล้องกับสากล เพราะหลายเรื่องต้องขออนุญาตจึงจะเปิดเผยได้ จึงควรต้องมีการปรับปรุง