svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

สมาพันธ์การขนส่งฯ ร้อง วิโรจน์ ปราบส่วยสติ๊กเกอร์ โอดรอมา 20 ปี ไม่มีใครแก้ไข

สมาพันธ์การขนส่งฯ ร้อง "วิโรจน์" ช่วยปราบส่วยสติ๊กเกอร์ โอดรอมา 20 ปี ไม่มีใครแก้ไข พร้อมแฉกระบวนการรีดไถ ด้าน "อุกกาบาตส่วย" แฉอีก มีตำรวจจราจรท้องที่เอี่ยวด้วย เตือนให้ "เลิก" เตรียมส่งข้อมูลให้จเรตำรวจ

1 มิถุนายน 2566 ช่วงบ่ายวันนี้ ที่พรรคก้าวไกล สมาชิกสมาพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ประมาณ 30 คน เข้ายื่นหนังสือและเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับส่วยทางหลวง ให้แก่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เรียกร้องให้นำไปสู่การแก้ไขปัญหา

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสมาพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวขอบคุณนายวิโรจน์ ที่ให้โอกาสมายื่นหนังสือในครั้งนี้ ซึ่งตนเองอยากจะเรียนว่า ยุทธวิธีของการมีส่วย เกิดมาตั้งแต่ปี 2539 จนเพิ่มความรุนแรงมาจนถึงปีนี้ และเคยมีการพูดถึงในสื่อมวลชนต่างๆมาแล้ว เช่น สมัยไอทีวี ช่วงปี 2539 ที่มีการแอบถ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปรับเงินตามริมถนน ทำให้มีการพัฒนาขึ้นมาเป็นแผ่นสติ๊กเกอร์ แสดงสัญลักษณ์ของแต่ละเจ้า ซึ่งตนเองได้เฝ้ารอมา 20 ปีแล้ว

ในอดีตที่ผ่านมามีการร้องเรียนทุกกระบวนการตามหน่วยงานต่างๆ ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และตำรวจทางหลวง ก็ถูกข่มขู่และมีการนำเบอร์โทรศัพท์มาให้เพื่อเคลียร์ค่าส่วย ซึ่งรถบรรทุกที่จดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก มี 1,500,000 คัน แต่สมาชิกที่อยู่ในสมาพันธ์มี 400,000 คัน โดยเรามีการลง MOU ร่วมกันว่า จะอยู่ภายใต้กฎหมายและพยายามชักจูงผู้ประกอบการรายอื่น เข้ามาอยู่ภายใต้กฎหมายด้วยกัน แต่ไม่สามารถสู้เจ้าหน้าที่รัฐที่กดดันได้

"จะมีเจ้าหน้าที่ระดับล่าง มาให้เบอร์โทรศัพท์ไปเคลียร์กับเจ้านาย และพัฒนามาเรื่อยๆ จากเมื่อก่อน 4-5 ป้าย แต่ตอนนี้มีอยู่ 40-50 ป้าย" นายอภิชาติกล่าว

สมาพันธ์การขนส่งฯ ร้อง วิโรจน์ ปราบส่วยสติ๊กเกอร์ โอดรอมา 20 ปี ไม่มีใครแก้ไข

นายอภิชาติ กล่าวต่อ ในยุคของพรรคก้าวไกล ที่กำลังจัดตั้งรัฐบาล และนายวิโรจน์ ได้ประทุปัญหาออกมาให้ประชาชนเห็น จนกระทั่งมีการย้ายผู้บังคับการตำรวจทางหลวง จึงขอให้ลองคิดว่า ขณะนี้นายวิโรจน์ ยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรีอะไรเลยก็ยังหยิบปัญหา ที่เป็นหัวใจสำคัญอย่างการขนส่งมาให้แก้ไข ซึ่งถ้าการขนส่งไม่ราบรื่น ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ก็จะติดขัดไปด้วย หากยังมีระบบส่วยอยู่ก็จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น อีกทั้งรัฐบาลที่แล้วไม่สามารถบริหารให้ลดราคาพลังงานลงได้ ทำให้ราคาสินค้าถีบตัวสูงขึ้น

"เราพบแสงสีส้มที่ปลายอุโมงค์แล้ว ในอดีตที่ผ่านมาฝนตั้งเค้าแต่ไม่ตกสักที วันนี้อยากจะเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า ฝนกำลังเริ่มตกแล้ว จะชะล้างสิ่งที่สกปรกในพื้นที่ของประเทศไทยให้สะอาดหมดจด ผมเองมีความปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถจะขจัดปัญหานี้ได้ แต่สิ่งที่นายวิโรจน์ทำเพียงแค่ 3-4 วันก็สามารถย้ายผู้การได้"

เมื่อถามว่า มั่นใจแค่ไหนว่าจะเคลียร์ปัญหานี้ได้ทั้งขบวนการ นายอภิชาต กล่าวว่า ขึ้นอยู่กันคนที่จะมาทำงานวันนี้ว่ามีความตั้งใจจริงหรือไม่ เพราะในอดีตที่ผ่านมามีแต่คำหลอกลวง แต่ตอนนี้นายวิโรจน์ได้ประชุมกับคณะสมาพันธ์แล้ว และภายหลังการแถลงข่าว ก็จะมีการตกผลึกในกระบวนการขนส่งของประเทศไทย ส่วนจะแก้ไขได้ทั้งระบบหรือไม่มองว่า ปัญหานี้มีความเรื้อรังยาวนานต้องใช้ระยะเวลา แต่อย่างน้อยก็มีจุดเริ่มต้น

เมื่อถามว่า ประมาณการตัวเลขของผู้ประกอบการรถบรรทุก ที่ไปจ่ายส่วยไว้กี่ราย และความเสียหาย 20 กว่าปีที่ผ่านมาประมาณเท่าไร นายอภิชาติ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ประกอบการทั้งหมด 1,500,000 ราย มีผู้ประกอบการที่อยู่ในสมาพันธ์ 400,000 ราย ซึ่งเป็นเพียง 1 ใน 3 ของผู้ประกอบการทั้งหมด ในจำนวนนี้ไม่มีใครทำผิดกฎหมาย แต่จำนวนที่เหลืออีก 1ล้านราย สามารถพูดได้ว่ามี 20% หรือประมาณ 200,000 คัน ต้องจ่ายค่าสติ๊กเกอร์ให้เจ้าหน้าที่

โดยราคาก็จะมีหลายเกรด ตั้งแต่ 3,000-5,000 บาท ไล่เกรดไปถึง 6,000-8,000 บาท และ 10,000-15,000 บาท จากนั้นก็เพิ่มระดับไปเรื่อยๆ จนถึงระดับพรีเมี่ยมที่สามารถบรรทุกของไม่จำกัดน้ำหนักได้ ตนจึงตั้งคำถามว่า ถนนที่ก่อสร้างมาด้วยงบประมาณหลายแสนล้านมาถูกทำลายด้วยส่วยสติ๊กเกอร์ เราจึงต้องเปิดหน้าให้ข้าราชการที่รับอามิสสินจ้างตื่นตัวสักที และตนมั่นใจว่าวันนี้มาถูกที่ถูกทางแล้ว

เมื่อถามถึง วิธีการจำหน่ายสติ๊กเกอร์ จะมีเจ้าหน้าที่ระดับล่าง เช่น นายสิบ นายดาบให้รถบรรทุกไปเคลียร์กับเจ้านาย ซึ่งเราไม่ทราบว่า เจ้านายเป็นใคร พอบอกว่าเป็นรถบรรทุกที่มาจากสมาพันธ์ จะไม่มีการเคลียร์ก็จะถูกกดดันมาโดยตลอด ซึ่งรถ 1 คันก็จะหาความผิดได้หมดเลย เช่น ถูกออกใบสั่งเรื่องติดไฟเพิ่ม เรื่องอื่น เช่น ความเร็ว ดังนั้นเรื่องนี้เราไม่ยอม กรณีลักษณะนี้ เหมือน “ส่วยซ่อนรูป” เพราะเหมือนกับการขุดบ่อล่อปลา

นายอภิชาติ ยังย้ำด้วยว่า เราโดนกลั่นแกล้ง และวันนี้ที่กล้าออกมาพูด เพราะมีหลักฐาน วิธีการรีดไถ และวิธีการมอบสติ๊กเกอร์ทั้งหมด ซึ่งจะนำมอบให้กับนายวิโรจน์

ด้าน นายวิโรจน์ กล่าวว่า การรวมตัวกันของผู้ประกอบการการขนส่งถึง 10 สมาคม ทำให้เป็นการทำงานร่วมกัน ทั้งในเรื่องของการกำจัดปัญหาคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นปัญหาที่รุนแรงมาก และจะถูกผลักภาระไปยังภาคสินค้าอุปโภค บริโภคอื่นๆ รวมทั้งทำให้ถนนเสียหาย และเป็นความเสี่ยงของประชาชนผู้ใช้ถนน

ขณะนี้ทุกคนคงตั้งเป้าไปที่ตำรวจทางหลวง แต่นอกจากนี้ ยังมีตำรวจภูธรหรือตำรวจในพื้นที่ ที่ดูแลการจราจรบางท่าน ยังมีการกระทำดังกล่าวอยู่ ซึ่งต้องยอมรับว่า เรายังต้องพูดถึงตำรวจภูธรอีก จากที่ประชุมพบว่าตำรวจทางหลวงบางท่านที่เป็นปัญหาก็ได้ยุติไปบ้างแล้ว แต่ในบางพื้นที่ยังพบว่า มีตำรวจภูธรยังชะล่าใจและกระทำอยู่ “ตนขอบอกว่าเลิกเถอะ” และในส่วนของสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ ที่มีส่วนเกี่ยวพันด้วยนั้น ตนคงจะไปบอกว่าให้เปลี่ยนทั้งหมดหรือทุกคนคงไม่ได้ ต้องย้ำว่าปัญหาเป็นที่ระบบ โดยคาดว่าความเสียหายอยู่ในระดับหมื่นล้าน เรื่องการทุจริตนี้ คิดเป็นเพียงร้อยละ 10 ของการทุจริตทั้งหมดในประเทศไทย

สำหรับวาระสำคัญของการประชุม คือการตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยเราจะรวบรวมและส่งข้อมูลไปให้กับสำนักงานจเรตำรวจ และนายจรุงเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ที่ได้รับตำแหน่งรักษาการผู้บังคับการตำรวจทางหลวงในขณะนี้

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า การแก้ไขปัญหานี้ ยังคงมีเรื่องของกฎระเบียบจุกจิกที่ยังเป็นปัญหาอยู่ การทบทวนการแก้ไขข้อกฎหมายยังเป็นภาระหน้าที่ และการร่วมกันทำงานของพรรคก้าวไกล และสมาพันธ์ฯ ตนคิดว่าคงต้องเอาเทคโนโลยีมาใช้อย่างจริงจัง เพราะหากตัดปัญหา เรื่องที่ต้องใช้ดุลพินิจออกไป ปัญหาคอร์รัปชันก็จะหมดไปโดยปริยาย และเรื่องสุดท้ายคือเรื่องการยกเลิกการซื้อขายตำแหน่ง และระบบตั๋วของตำรวจ ตนเชื่อว่าถ้าสิ่งนี้หมดไป การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันก็จะยั่งยืน

จากนั้นนายอภิชาติ ได้นำเอกสารที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการทุจริตเรื่องนี้ มอบให้นายวิโรจน์ และนายวิโรจน์เมื่อตรวจสอบแล้วจะส่งมอบต่อให้กับจเรตำรวจแห่งชาติต่อไป